Search Results
พบ 33 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- CAGGIONI ESPACE : ใหม่ถอดด้าม - จบครบเรื่องเดินทาง
กระเป๋าเดินทางคาจิโอนี่ กระเป๋าเดินทางสัญชาติไทย เปิดตัวคอลเล็กชั่น Espace ตอบโจทย์การเดินทาง ของคนรุ่นใหม่ เป็นกระเป๋าที่สามารถเปิดฝาข้างหน้าที่ช่วยให้นักเดินทางสามารถเปิดหยิบของได้ง่าย พร้อมกับซิปขยายที่ใส่ของได้ เพิ่มอีก 20% เรียกได้ว่า จบครบเรื่องการเดินทาง ไปกับกระเป๋าใบเดียว * Open – Open to a new journey เปิดเพื่อพบกับการท่องเที่ยวครั้งใหม่ ลดปัญหาความยุ่งยากในการเปิดกระเป๋าเปิดเมื่อไหร่ก็ได้เปิดง่ายให้คุณอยากออกไปท่องเที่ยวอีกครั้ง * Easy – Easy for use everywhere ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ง่ายต่อการใช้งาน * Space – Space of all thing ใส่ได้ทุกอย่างตามใจนึกลดปัญหาพื้นที่น้อยใส่ของไม่พอเพราะเรามี function ซิปขยายให้คุณใส่ของได้เพิ่ม Espace เป็นกระเป๋าเดินทางเปิดฝาหน้า สะดวกต่อการใช้งานในพื้นที่จำกัดไม่ว่าจะเป็นบนตู้นอนรถไฟ หรือห้องพักขนาดเล็ก ให้คุณมั่นใจที่จะรับมือกับการเดินทางไกล ไม่ต้องห่วงเรื่องของเล็กๆ แต่สำคัญ หากเกิดเรื่องระหว่างการเดินทางแบบฉุกเฉิน ด้วยกระเป๋าเดินทางเปิดฝาหน้าที่ค้นหาของได้ง่ายไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของกระเป๋า สะดวกในการเก็บของและใช้งาน สำหรับการเดินทางระยะสั้นๆ หรือทริปธุรกิจ ก็สามารถใส่โน๊ตบุ๊คได้ ลดปริมาณสัมภาระลงในกระเป๋าใบเดียว มาใช้ชีวิตสะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยกระเป๋าเดินทางเปิดฝาหน้า ให้คุณรู้สึกมั่นใจและสบายใจในทุกที่ หาซื้อได้ที่ห้าง Central, Robinson, Paragon, The Mall, Siam Takashimaya และ online store: www.caggioni.com
- TSA Lock คืออะไร? ทำไมกระเป๋าเดินทางไม่มีกุญแจให้?
TSA LOCK คืออะไร? TSA ย่อมาจาก Transportation Security Administration ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นมาตรฐานสากลที่มีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของประเทศนั้นๆ สัญลักษณ์ TSA จะติดไว้บริเวณกุญแจล็อกกระเป๋าเดินทาง (จุดสังเกต คือจะมีสัญลักษณ์สีแดงทรงข้าวหลามตัด และเขียนคำว่า TSA) สำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นอกจากคัดกรองบุคคล ก็ยังมีหน้าที่คัดกรองสิ่งของข้ามแดนและสัมภาระที่นำเข้าประเทศด้วย เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจและยึดสิ่งของต้องห้ามเฉพาะ เช่น ยาเสพติด อาวุธ สิ่งของต้องห้าม เป็นต้น เมื่อตรวจสอบเรียบร้อย หากไม่มีสิ่งต้องห้าม ก็จะส่งคืนทรัพย์สินอื่นๆ ภายในกระเป๋าของเราให้อยู่ในสภาพเดิม เนื่องจากบางครั้งเราเดินทางไปยังประเทศที่เข้มงวด อาจเผลอทำผิดกฎโดยไม่ได้เจตนา เหตุเพราะไม่ทราบกฎหรือข้อห้าม บางประเทศมีกฏเข้มงวดมากกับการนำสิ่งของต่างๆเข้ามาในประเทศ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ดิน อาหารแห้ง เป็นต้น ทำไมกระเป๋าเดินทางต้องมี TSA Lock การเดินทางไปต่างประเทศในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือประเทศที่มีการใช้มาตรฐาน TSA Lock อยู่ บางครั้งเราอาจโดนตรวจสอบสัมภาระในกระเป๋า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเปิดกระเป๋าโดยใช้กุญแจเฉพาะ ที่มีมาตรฐาน TSA หากกระเป๋าของเราไม่มีมาตรฐานที่ว่ามา เจ้าหน้าที่จะใช้ทุกวิธีที่จะเปิดกระเป๋า เช่น การตัดกุญแจ ทำลายตัวล๊อก การงัดกระเป๋า เป็นต้น ซึ่งมีผลทำให้กระเป๋าของคุณเกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้นกระเป๋าที่มี TSA Lock ก็จะปลอดภัยหายห่วงต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ กระเป๋าจะปลอดภัยหรือไม่? เจ้าหน้าที่ ที่ได้รับสิทธิ์เท่านั้น จึงจะสามารถเปิดกระเป๋าของคุณได้ เช่น เจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะเปิดได้ในกรณีที่สแกนแล้วภายในกระเป๋ามีวัตถุต้องสงสัย เข้าข่ายลักลอบขนยาเสพติด หรืออุปกรณ์อันตรายเท่านั้น ซึ่งกระเป๋าจะอยู่อย่างปลอดภัยหากไม่มีสิ่งต้องสงสัยดังกล่าว และไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายต่อของในกระเป๋า ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกระเป๋าที่มี TSA Lock ถึงมีแต่ระบบล็อกแต่ไม่มีกุญแจมาให้ ระบบนี้ใช้กันที่ไหนบ้าง จากข้อมูล ตอนนี้ระบบ TSA Lock ถูกนำมาใช้ในประมาณ 600 สนามบิน จาก 13 ประเทศ ได้แก่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฟินแลนด์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม เยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์อิสราเอล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ดังนั้น สำหรับใครก็ตามที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ หรือแม้ว่านานๆ ครั้งไป จึงไม่ควรมองข้ามระบบ TSA Lock เพราะมันมีประโยชน์มากทีเดียว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของสัมภาระของคุณเอง
- เตือนภัยลูกค้าทุกท่าน !
หากนำกระเป๋าเดินทางไปส่งซ่อมแล้วมีบุคคลนำกระเป๋าเดินทางของท่านไปซ่อมให้ โดยเก็บเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีส่วนตัว โดยอ้างว่าซ่อมได้รวดเร็วด้วยเวลา 5-10 นาที #โปรดระวัง อาจเกิดความเสียหายกับกระเป๋าเดินทางของท่านโดยการใช้อะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพ หรือเกิดความเสียหายเพิ่มเติม อีกทั้งเสี่ยงถูกลักทรัพย์ โดยบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหากท่านจ่ายเงินให้กับผู้อื่นแล้วเกิดความเสีหายต่างๆ จึงอยากขอเตือนภัยลูกค้าทุกท่าน ด้วยความห่วงใยจาก @blservice ช่องทางและระยะเวลาการส่งซ่อมสินค้า ลูกค้าสามารถเลือกส่งซ่อมได้ 4 ช่องทาง 1. ส่งซ่อมผ่านห้างสรรพสินค้า / จุดจำหน่ายบนห้างสรรพสินค้า ระยะเวลา 30-45 วัน 2. ส่งไปรษณีย์เข้าโรงงานปทุมธานี ระยะเวลา 2 สัปดาห์ 3. ส่งด้วยตนเอง ผ่านศูนย์ศรีย่าน ระยะเวลา 2 สัปดาห์ 4. ส่งด้วยตนเองที่โรงงานปทุมธานี ประมาณ 2-4 ชม. (รอรับกลับได้ กรณีนัดช่างล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ) ในกรณีที่เป็นสินค้านำเข้า อาจใช้เวลานานเกินกว่ากำหนด ลูกค้าที่นำสินค้ามาซ่อม จะต้องมารับสินค้าภายใน 30 วัน นับจากวันที่พนักงานขายโทรแจ้งให้มารับสินค้า หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าท่านได้สละสิทธิ์และทางบริษัท จะไม่รับผิดชอบ หากพ้นกำหนดดังกล่าว หากลูกค้าต้องการใช้กระเป๋าเดินทางด่วน ในช่วงระหว่างรอ ทางบริษัทมีกระเป๋าสำรองไว้บริการ โดยขอติดต่อรับบริการได้ที่ Luggage Care Center ช่องทางติดต่อ Luggage Care Center สอบถามราคาอะไหล่ และค่าซ่อมกระเป๋า แผนกซ่อม (Caggioni)บริษัท บูลไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด 76 ม.1 ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160 โทร. 088 022 0023 (คุณเมย์) Line ID : @blservice
- Marco กับ Joy (Frame) ต่างกันตรงไหน!
เปิดตัวขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับสินค้าแบรนด์ไทยแท้ ที่นักเดินทางเลือกรีวิวจนเป็นกระแส หลายคนมีคำถามว่า ความต่างระหว่างรุ่นมาโคร (Marco) และจอย (Joy Frame) ที่มีจุดเด่นตรงกระเป๋าโครงทั้งใบ มีจุดล๊อคถึง 3 จุดรอบตัวกระเป๋า วัสดุ PP คุณภาพดี ทั้งทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง แถมท้ายด้วยน้ำหนักเบาเข้าไปอีก แล้วควรจะเลือกซื้อตัวไหนดี เรามาดูข้อมูลกัน เพื่อวัดความต่าง 5 ความต่างชัดๆ ระหว่าง มาโคร และจอย สี สีชมพู สีฟ้าอ่อน สีฟ้า สีเหล่านี้เพิ่มมาเป็นตัวเลือกในรุ่นมาโคร ซึ่งมีมากถึง 6 สี สีชมพู สีฟ้าอ่อน และสีฟ้าเลคบลู เป็นเฉดสีที่รุ่นจอยไม่มีจำหน่ายดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชอบโทนสีหลากหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่สีสันมีผลต่ออารมณ์การใช้งาน ก็จะเลือกยากหน่อยว่าจะจัดสีไหนดี แผงกั้น / ผ้าซับใน รุ่นมาโคร มีความโดดเด่นมาก ในส่วนของผ้าซับใน เพราะคุณภาพของผ้าที่หนากว่า สามารถปรับระดับความสูงต่ำของแผงกั้นได้ และยังสามารถถอดแยกส่วนออกมาเพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ หรือนำไปซักได้ แต่รุ่นจอยนั้นแผงกั้นจะเย็บกับตัวกระเป๋าไม่สามารถถอดทำความสะอาดแยกได้ ล้อ ทั้ง 2 รุ่น เป็นกระเป๋าเดินทางล้อคู่ 4 ล้อ หมุนได้รอบทิศเหมือนกัน แต่จุดสังเกตง่ายๆที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คือล้อกระเป๋าของรุ่นมาโครจะใหญ่ ทึบ และดูแข็งแรงกว่ารุ่นจอยที่เป็นทรงโปร่งเห็นซี่ล้อ ซึ่งอาจทำให้เศษฝุ่น เศษเส้นผมเข้าไปติดในส่วนเกลียวของล้อได้ง่ายกว่า ราคา ความแตกต่างของราคาระหว่างรุ่นมาโครและจอย ต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าในเรื่องราคาเพื่อซื้อมาใช้ไม่บ่อยครั้งนั้นก็คงทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่สำหรับสายทำงาน และสายท่องเที่ยว ก็ต้องเทียบสเปกทีละจุดว่าคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ น้ำหนักและความจุ ส่วนต่างของทั้ง 2 รุ่น ถือว่าไม่แตกต่างกันมาก เพราะรุ่นมาโครถึงแม้ว่าจะดูมีความจุน้อยกว่า แต่มีน้ำหนักกระเป๋าที่เบามากกว่า ทั้งนี้ก่อนจัดกระเป๋าเดินทางควรลิสต์ก่อนเลยว่าในแต่ละวันใช้เสื้อผ้ากี่ชิ้น เพื่อให้ได้จำนวนเสื้อผ้าที่พอเหมาะ และทราบปริมาณที่ต้องจุลงกระเป๋า อาจใช้ถุงสุญญากาศเพื่อลดพื้นที่ของเสื้อผ้าลงได้ แล้วลิสต์ของใช้ส่วนตัวที่ต้องใส่กระเป๋าว่ามีอะไรมากน้อยแค่ไหน ข้อเปรียบเทียบที่นำมาฝากวันนี้ น่าจะทำให้ทุกคนที่กำลังชั่งใจกับการเลือกกระเป๋าเดินทาง มีข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นนะคะ ว่าจะซื้อรุ่นไหนที่จะเหมาะกับตัวเอง การลงทุนกับกระเป๋าเดินทางดีๆ สักใบ หรือการเลือกกระเป๋าที่เหมาะสมกับการเดินทางของเรา จะทำให้การเดินทางของเราสะดวกสบาย และสนุกมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าจะพัง หรือจะใส่ของไม่พอ สนใจสินค้ารุ่นไหน กดสั่งซื้อได้กับทาง www.caggioni.com สนใจซื้อรุ่นมาโคร คลิก www.caggioni.com/marco สนใจซื้อรุ่นจอย คลิก www.caggioni.com/joyframe
- วิธีเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางล้อลากแบบถือขึ้นเครื่อง (Carry-on Luggage)
สำหรับการเดินทางระยะสั้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางเพื่อกลับประชุมงาน หรือท่องเที่ยวแบบชั่วคราว ไม่ต้องถือสัมภาระมากนัก จึงมักไม่ซื้อน้ำหนักเพื่อโหลดกระเป๋าใต้เครื่อง บางครั้งการจัดสัมภาระให้ลงตัวในกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง (carry-on) จึงอาจเหมาะสมกว่า ทั้งในแง่ความคล่องตัวและค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถใช้กระเป๋าแบบเป้สะพายหลัง หรือกระเป๋าเดินทางล้อลากได้ หลายครั้งการเดินทางจำเป็นต้องพกโน้ตบุ๊ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ แบตเตอรี่สำรอง สายชาร์จ ติดตัวไปด้วย จากที่เคยแบกเป้ ขอแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้กระเป๋าล้อลากแบบหิ้วขึ้นเครื่องแทน นอกจากเรื่องสุขภาพของหลังแล้ว ยังเอาของจุกจิกแบบสบู่ ยาสระผม ครีมทาผิว และอุปกรณ์ส่วนตัวเล็กน้อยขึ้นเครื่องได้มากขึ้น ขนาด ขนาด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกกระเป๋าเพื่อถือขึ้นเครื่อง ตามหลักทั่วไปกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ จะต้องมีขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว โดยแต่ละสายการบินมีข้อกำหนดของขนาดกระเป๋าไม่เท่ากัน หากกระเป๋ามีขนาดใหญ่กว่าที่สายการบินกำหนด จะถูกบังคับให้โหลดใต้เครื่องไปเท่านั้น ไม่สามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องได้ ดังนั้น หากจะเลือกซื้อกระเป๋าใบใหม่ อย่าลืมพกสายวัดไปด้วย วัดตั้งแต่ส่วนบนจนถึงล้อ (ไม่รวมการดึงคันชัก) บางครั้งในรายละเอียดของกระเป๋าที่แจ้ง อาจจะไม่รวมล้อ ลองวัดด้วยตัวเองเพื่อความแน่นอนดีกว่า น้ำหนักและความจุ นอกจากขนาดแล้ว น้ำหนักยังมีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อกระเป๋า เพราะแต่ละสายการบินมีข้อกำหนดเรื่อง “น้ำหนัก” ของสัมภาระที่ต้องการนำติดตัวขึ้นเครื่องด้วย โดยส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 7 กิโลกรัม ดังนั้น หากเลือกซื้อกระเป๋า น้ำหนัก 5 กิโลกรัม จะเหลือความจุสำหรับใส่สัมภาระส่วนตัวเพียง 2 กิโลกรัมเท่านั้น ปัจจุบัน ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ดีขึ้น กระเป๋าที่มีน้ำหนักเบากว่า 4 กิโลกรัมจึงมีให้เลือกมากขึ้น ลองเลือกกระเป๋าน้ำหนักเบาๆ ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน ทางคาจิโอนีรวบรวมมาให้แล้ว ดังนี้ วัสดุและความทนทาน กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง มักจะอยู่ใกล้ตัว แตกต่างจากกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้เครื่อง ดังนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเลือกจ่ายเงินแพงๆ สำหรับวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง เพราะกระเป๋าจะไม่ถูกโยนหรือมีการกระแทกหนักๆ สำหรับวัสดุและความทนทานของกระเป๋าถือขึ้นเครื่องขึ้นอยู่กับกระเป๋าเดินทางที่เลือกใช้ โดยทั่วไปแล้ว วัสดุของกระเป๋าแยกได้ 2 แบบกว้างๆ คือ แบบซอฟต์เคส (Soft Case) และแบบฮาร์ดเคส (Hard Case) ซอฟต์เคส (Soft Case) กระเป๋าผ้า ด้วยความยืดหยุ่นของวัสดุผ้า หากกระแทกจะไม่ค่อยฉีกขาด โดยเฉพาะกระเป๋าสมัยใหม่มักใช้ผ้าสังเคราะห์ที่ทนทาน น้ำหนักเบา แต่อาจจะมีรอยเปื้อนคราบต่างๆได้ง่ายกว่า และเวลาลุยฝนหรือลุยหิมะ สัมภาระข้างในอาจชำรุดเสียหายได้ ฮาร์ดเคส (Hard Case) มักใช้วัสดุจำพวกพลาสติก ความยืดหยุ่นอาจน้อยกว่าแบบผ้า ระหว่างการเดินทาง อาจมีการเคลื่อนย้ายกระเป๋าโดยเจ้าของกระเป๋า หรือ พนักงานสายการบิน จะเกิดรอยได้ง่ายกว่าแบบผ้า ส่วนในแง่ความทนทานคงไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะวัสดุรุ่นใหม่ๆ ทนทานกว่าเดิม น้ำหนักเบาขึ้น แถมข้อดีของฮาร์ดเคสคือกันน้ำได้ดีกว่า และทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ล้อลาก ล้อลื่นๆ เสียงเงียบๆ น่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางในฝันของนักเดินทาง เพราะล้อจะสามารถช่วยไม่ให้ต้องยกกระเป๋าถือขณะเดินทางให้ปวดหลัง ปวดไหล่ กระเป๋าเดินทางล้อลาก มีให้เลือก 2 แบบหลักๆ ดังนี้ กระเป๋า 2 ล้อ ขณะใช้งานต้องลากแบบเอียง ไม่สามารถลากด้านข้างได้ อาจจะลำบากหากต้องเดินในพื้นที่คับแคบ เช่นบนเครื่องบิน ทางเดินในรถไฟ แต่ยังมีข้อดีที่พื้นที่ใส่สัมภาระจะมากขึ้น และกระเป๋าไม่ไหลในทางลาดชัน กระเป๋า 4 ล้อ กระเป๋าแบบนี้จะหมุนได้ 360 องศาเข็นไปด้านหน้า ด้านข้าง ถอยหลัง สะดวกต่อการเข็นในพื้นที่คับแคบและคนหนาแน่น แต่ข้อเสียของล้อลื่นๆ บางทีกระเป๋าจะไหลไปตามที่ลาด ต้องคอยระมัดระวัง คันชัก / หูจับ ตามมาตรฐานกระเป๋าเดินทาง คันชักจะต้องสามารถดึงขึ้นมาได้ถึงระดับเอวของผู้ใช้งาน หากต่ำ/สูงกว่า กระเป๋าจะกระแทกขาระหว่างเดิน ดังนั้น กระเป๋าควรปรับระดับได้เพื่อให้เหมาะสมกับส่วนสูงของผู้ใช้งาน กระเป๋าเดินทางควรมีหูจับ เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ในบางสถานที่ อาจไม่สามารถใช้งานล้อลากได้ต้องหิ้วกระเป๋าด้วยตนเอง ดังนั้น หูจับต้องมีความแข็งแรง แต่ไม่แข็งจนเกินไป เพราะหากต้องถือสัมภาระในระยะเวลานาน อาจจะเจ็บมือได้ ช่องเก็บของ อย่ามองข้ามช่องเก็บของภายใน เพราะนั่นคือตัวช่วยในการจัดระเบียบสัมภาระให้เป็นหมวดหมู่ หยิบของใช้ได้สะดวก โดยทั่วไปกระเป๋าเดินทางมักจะแยกเป็น 2 ฝั่ง ด้านหนึ่งเป็นผ้าซิปที่มีฝาปิดทึบ อีกด้านหนึ่งเป็นสายรัดสัมภาระ แต่ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ ที่ทำแบบเป็นฝาปิดทึบทั้งสองด้าน และด้านนอกของฝา มีช่องแบ่งแยกให้อีกเป็นสัดส่วน ช่วยให้นักเดินทางจัดเก็บของได้ง่ายกว่าเดิม พัฒนาไปมากกว่านั้น กระเป๋าเดินทางบางรุ่นมีช่องเปิดฝาหน้าแยกจากส่วนสัมภาระ สามารถใส่แล็บท๊อปที่ฝาด้านหน้า ลดกระเป๋าแล็บท๊อปไปได้อีก 1 ใบ โดยช่องใส่แล๊ปท๊อปมักจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง มีการบุนวมเพื่อเพิ่มการป้องกันการกระแทก และเพิ่มช่องใส่ของแยกส่วนในช่องด้านหน้าได้อีก ถ้าเจอกระเป๋าที่ลงตัวแบบนี้อย่าพลาดที่จะซื้อไว้เป็นเจ้าของสักใบ สนใจกระเป๋าเดินทางในภาพประกอบ Caggioni Espace
- CAGGIONI
Vision Statement Caggioni’s mission is to become your first choice travel experience companion equipping you with cutting edge functional innovative design for a memorable and unique discovery of the world. Mission Statement Caggioni’s vision is to become a game changer and leading trend setter with strong focus on research and development to anticipate solutions for constantly evolving future travel user needs. Company Profile Since it’s inception in 1963, Bluelight Industrial Co., Ltd. has been at the forefront of the Thai luggage industry. Our vision is to be the leading Thai luggage manufacturer using the latest technology, innovative materials and functional designs. With the development of new materials and manufacturing processes, we have constantly upgraded our factory to provide our customers with the best quality products and latest technologies. Our Italian inspired brand “Caggioni” has a brand DNA of “Explore the World”. Caggioni will be your luggage of choice to explore new places, new tastes, new sounds and new cultures around the World. We provide comprehensive after sales support to our customers such as product guarantees and repair services. 1953 From a simplehouse at Yotsearea Mr. Prasith Apiromlerkstarted sewing bags under Sirisilp. 1960 Moved to Saphan Put area due to increased growth in business and the need for larger factory space. 1963 With the factory moved to Thonburi we started the manufacturing of hardcase luggage. The first hardcase luggage was sold under the brand of “Skyking” and proved very successful. 1981 Bluelight Industrial Co., Ltd. was established to handle the continually expanding business and the factory was moved to Sriyarn area. 1982 A large piece of land was purchased in Pathum Thani Province and a fully integrated factory was built to serve future growth. 2001 Developed the “Caggioni” Brand and increased focus on in-house design and product development capabilities.
- ให้คุณมากกว่า"กระเป๋าเดินทางคาจิโอนี่"คู่หูทุกการเดินทาง
จะซื้อกระเป๋าเดินทางแบบไหนดี ? คงเป็นคำถามบอดฮิตสำหรับใครหลายๆ คน เพราะราคาของกระเป๋าเดินทางนั้นก็ไม่ได้ราคาที่ถูก จนสามารถตัดสินใจซื้อได้ทันทีทันใด วันนี้เลยจะมาาเล่าในส่วนของกระเป๋าเดินทางขนาด Carry on ที่ใช้ประจำ ซึ่งหลักการที่ต้องซื้อกระเป๋าเดินทางแบบ Carry on นั้น ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นหลักคิดในการซื้อกระเป๋าที่สามารถพกพาขึ้นเครื่องได้ 2 ข้อหลักง่ายๆ คือ เบา : เนื่องจากการ Carry On หรือนำกระเป๋าขึ้นเครื่อง จำเป็นต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กก. ซึ่งเราจำเป็นต้องหากระเป๋าที่มี้หนักเบาเพื่อที่จะสามารถใส่สัมภาระอื่นๆ ได้ ขนาดพอดี : ตัวกระเป๋าต้องมีขนาดไม่เกิน 56 ซม. x 36 ซม. x 23 ซม. (สูง x ยาว x กว้าง) ตามมาตรฐานสายการบินทั่วไป ซึ่งเพียง 2 ข้อนี้เราก็คิดว่าเพียงพอสำหรับหารเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางที่สามารถ Carry On ได้ ซึ่งเราก็มาเจอเจ้ากระเป๋าเดินทางจากแบรนด์ คาจีโอนี่ กระเป๋าเดินทาง รุ่น โวยาจเกอร์ Caggioni Vayageur Luggage เป็นกระเป๋าเดินทางสไตล์โมเดิร์น ขนาด 20 นิ้ว ขนาด 48 ซม. x 26 ซม. x 21 ซม. ขนาดพอดิบพอดี ด้วยการออกแบบให้เจ้า"กระเป๋าเดินทางคาจิโอนี่" มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นนักหนาในเรื่องความเบา ดีไซน์ต้องดูสวย ทันสมัย และใช้งานได้จริง ซึ่งตัวกระเป๋ามีความโดนเด่นในส่วนลวดลายที่ตัดกัน คล้ายตารางหมากฮอส เพราะสำหรับผู้ท่ชอบงานออกแบบที่มีการเน้นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีคุณภาพสูง จุดเด่นของ"กระเป๋าเดินทางคาจิโอนี่" ขนาด 20 นิ้ว (กระเป๋าเดินทางแบบ carry on) วัสดุตัวกระเป๋า ทำจากวัสดุโพลีคาร์บอเนต หรือ PC (Ploycrbonate) ลักษณะแข็ง ทนแรงยึดและแรงกระแทกได้ดี และมีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย ถือว่าเป็นพลาสติกประเภทหนึ่งที่มีคุณภาพสูงมากเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าโพลีคาร์บอเนตยังมีความเหนียว แข็ง ยึดเกาะตัวได้ดี คงรูปได้ง่าย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย คันชัก ทำจากวัสดุ อลูมิเนียมอย่างดี มีความแข็งแรง และทนทาน มีปุ่มกดสามารถปรับระดับความยาวขึ้น - ลงได้ ซึ่งสามารถปรับได้มากถึง 3 ระดับ มีความแน่น และกระชับมากๆ หูจับ ต้องบอกก่อนว่ามีหูจับเพียงด้านเดียวใส่ส่วนของกระเป๋าขนาด 20 นิ้ว ตัวหูจับมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี จับง่าย (ในส่วนของกระเป๋าเดินทางขนาด 24 และ 28 นิ้ว จะมีหูจับทั้งบ้านบนและด้านข้าง) ซิปขยาย มันดีมาก ! เพราะปกติมันตะมีเฉพาะกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งเจ้า"กระเป๋าเดินทางคาจิโอนี่" แบบ Carry on มันมีซิปทีขยายที่ใหญ่ และแข็งแรงมาก ซึ่งเมื่อรูดซิปเพื่อขยายขนาดของกระเป๋าแล้วตัวกระเป๋าเนทางสามารถเพิ่มปริมาณการจุได้อีก 25% เลยทีเดียว ภายในกระเป๋าเดินทาง มีช่องแบกสัมภาระ 2 ช่องใหญ่ และช่องซิปสำหรับใส่ของอเนกประสงค์ อีก 1 ช่อง มีแผงกั้นระหว่างกันให้เป็นระเบียบมาก คือ ช่องนี้จะช่องให้ข้าวของ สัมภาระอยู่ในที่ของมันไม่ปะปนกันได้ดีมากๆ และจะมีสายรัดช่วยกันสัมภาระร่วงใน 1 ช่องสัมภาระใหญ่ ล้อ ล้อตัวล้อออกแบบมาให้แบบ "ล้อคู่ 4 ล้อ" สามารถหมุนได้ 360 องศา แบบไม่สะดุด วัสดุล้อผลิตจากยางที่มีขนาดใหญ่ รู้สึกถึงความทนทาน แต่ให้ความง่ายต่อการลาก แม้ในพื้นที่จำกัด ล้อก็หมุนได้ไม่มีปัญหาเลย ระบบล็อคแบบ TSA ด้วยะบบล็อคแบบ TSA เป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประเทศสหรัฐอเมริกา (Transportation Security Administration) ผู้ผลิตกุญแจระแบบล็อคขึ้นมา กุญแจล็แคของระแบบ TSA ต้องเป็นไปตามข้อกำหนกของ TSA เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบ ของกระเป๋าของคุณ โดยไม่ต้องงัดกุญแจของคุณ หรือทำให้กระเป๋าเกิดความเสียหาย และเพื่อนๆ สามารถมั้นใจได้เลยว่ามันปลอดภัยสุดๆ เพราะกุญแจระบบล็อค TSA จะมีเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินเท่านั้น จุดเดินของ"กระเป๋าเดินทางคาจิโอนี่" ขนาด 20 นิ้ว โดนรวมถือว่าคุ้มค่ามากเพราะใส่ได้ทั้งของหนักและของเบา ให้ความจุที่เยอะกว่าเพราะสามารถขยายกระเป๋าเดินทางได้เพราะขึ้น หากใช้สำหรับการเดินทาง 1-3 วัน ถือว่าความจุกำลังดีเลยดีเดียว และไม่หนักมากไป และที่สำคัญคือจะ Carry on ขึ้นเครื่องหรือโหลดลงใต้เครื่องก็ไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนเปลี่ยนใจกระทันหัน หรือจะ Carry on ขาไป ส่วนขากลับของเยอะหน่อยจะโหลดลงใต้เครื่องได้ไม่มีปัญหา Cr. https://www.tpakinr.com/blog/caggionivoyageurluggage/
- 7 สิ่ง "ห้าม" พกพาขึ้นเครื่องบินที่นักเดินทางต้องรู้
ใครที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวบ้าง ยกมือขึ้น ปลายปีนี้ น่าจะมีหลายคนเริ่มวางแผนไปเที่ยว หรือเตรียมแพคกระเป๋าเดินทางกันแล้ว หลายสายการบินก็มีกฎเข้มงวดในการนำสิ่งของต้องห้ามขึ้นเครื่องบิน วันนี้เรารวบรวมข้อมูล “7 สิ่ง "ห้าม" พกพาขึ้นเครื่องบินที่นักเดินทางต้องรู้” มาฝาก อย่ารอช้ากันเลยไปชมกันดีกว่า 1. ของเหลวทุกชนิดขนาดบรรจุไม่เกิน 100 มล.หรือรวมกันแล้วไม่เกิน 1 ลิตร ไม่ว่าจะเป็น โลชั่น โครีม เครื่องสำอาง สเปรย์ น้ำหอม รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆ 2. อาหารที่มีกลิ่นแรง อย่างที่รู้กัน ว่าอาหารที่มีกลิ่นแรงจะสร้างความรำคาญใจให้กับผู้โดยสารท่านอื่นได้หากมีความจำเป็น ต้องแพคให้มิดชิด และต้องโหลดไว้ในกระเป๋าไว้ใต้เครื่องบิน 3. สัตว์มีพิษ หรือสัตว์ดุร้าย สายการบินไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสารท่านอื่น ส่วนสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก เช่น สุนัข นก แมว ฯลฯ บางสายการบินอนุญาตให้สามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละสายการบินเพิ่มเติม 4. ของแหลมคมของมีคมทุกชนิด ไม้บรรทัดเหล็ก คัตเตอร์ กรรไกรตัดเล็บ เข็มเย็บผ้า มีด มีดพับ มีดพก และของมีคมทุกชนิด ที่อาจทำให้เกิดอันตรายเปรียบเสมือนอาวุธของแบบพกพา 5. วัตถุไวไฟ น้ำมัน ไม้ขีดไฟ ไฟแช็ก ฯลฯ เป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายบนเครื่องบินเป็นอย่างมาก อาจก่อให้เกิดเหตุไฟไหม้หรือเครื่องบินระเบิดได้ 6. สารเคมีที่เป็นอันตราย น้ำกรด ปรอท สารกำจัดแมลง วัตถุก๊าซมันตภาพรังสีต่างๆ ล้วนเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดอันตรายบนเครื่องบินได้ 7. อาวุธทุกชนิด ปืน และอาวุธทุกชนิด รวมถึงอาวุธโดยสภาพ เช่น มีด สนับมือ ดาบ ทวน กระบอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายสำหรับผู้โดยสาร สามารถก่อให้เกิดการทำร้ายหรือก่อการร้ายได้ ทั้งหมดนี้ก็เป็น “7 สิ่ง "ห้าม" พกพาขึ้นเครื่องบินที่นักเดินทางต้องรู้” บางคนอาจจะเผลอนำสิ่งต้องห้ามขึ้นเครื่องบิน หรือละเลยข้อห้ามเล็กๆน้อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรดูกฎหรือข้อจำกัดของสายการบินที่จะเดินทาง จะได้เดินทางแบบลื่นไหลตลอดเส้นทาง
- เที่ยวต่างประเทศควรเตรียมอะไรบ้าง !!!
ใกล้สิ้นปีแบบนี้ หลายๆ คนอาจจะกำลังมีแพลนไปเที่ยวรับลมหนาว หรือจะไปนับเคาน์ดาวน์ถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ที่ต่างประเทศ วันนี้แอดมินจะชวนมา Check-list สิ่งของที่จำเป็น และขาดไม่ได้มาฝาก ใครพร้อมจัดกระเป๋าแล้วไปดูกันเลยจ้า 1. หนังสือเดินทาง หนังสือเดินทางถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางไปต่างประเทศ ลืมไม่ได้เด็ดขาด!ต้องนำมาแสดงตัวตั้งแต่เข้าประเทศ ไปจนถึง Check-in เข้าพักที่โรงแรม เป็นสิ่งที่ต้องพกติดตัวตลอดการเดินทางเลยก็ว่าได้ แอดมินขอแนะนำให้ถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตไว้ติดตัวด้วยจะได้ไม่ต้องหยิบเล่มจริงออกมาบ่อยๆ เพราะหากทำหายทริปนั้นไม่สนุกแน่ๆ 2.เอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบินขาไป ขากลับ เอกสารสำหรับจองโรงแรม จองเครื่องบิน จองรถ และบัตรประชาชน แอดมินขอแนะนำเหมือนเดิมค่ะถ่ายเอกสารเก็บไว้ซักชุด สองชุด เพื่อความสบายใจ 3.ยาสามัญ หรือยาประจำตัว ขอบอกก่อนว่า ในบางประเทศไม่สามารถเดินเข้าไปร้านขายยาแล้วซื้อได้เลยนะ ต้องมีใบรับรองแพทย์ต่างๆฉะนั้นเราควรพกยาสามัญติดไปด้วยจะดีมากๆ โดยเฉพาะใครที่มีโรคประจำตัวควรพกติดตัวไปเลยจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลระหว่างการเดินทาง 4. ตัวแปลงปลั๊กไฟ (universal adapter) แน่นอนค่ะ แต่ละประเทศมีตัวปลั๊กไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนักเดินทางควรมีตัวแปลงนี้พกติดตัวไปด้วย ไม่เช่นนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราแบกเอาไปอาจจะใช้ไม่ได้เลยก็เป็นได้ 5. บัตรเครดิต หรือบัตรเครดิต ท่องเที่ยวการพกเงินสดเยอะๆ ในต่างประเทศเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ ทางที่ดีควรพกเงินสดแต่พอดี และมีบัตรเครดิต และกดมาใช้อย่างพอประมาณ แต่อย่ามัวรูดเพลินควรเช็คค่าธรรมเนียมก่อนด้วยนะจ๊ะ เตรียมของให้ครบ 5 ข้อนี้ ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศอย่างไม่ต้องกังวลอะไรแล้วค่ะ เอกสารพร้อม เงินพร้อม ยาพร้อม เดินทางกันเลยยยยย!!!!








