Search Results
พบ 33 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- ระวังสิ้นสุดทางเลื่อน... ⚠️
เรื่องของความปลอดภัยในการใช้บันไดเลื่อน และทางเลื่อน ถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจเวลาที่ต้องใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเดินทางโดยมีสัมภาระ Caggioni อยากให้ทุกคนใช้กระเป๋าเดินทางบนบันไดเลื่อน-ทางเลื่อนอย่างปลอดภัย 💗 1. ควรมีสติกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นบันไดเลื่อน หรือทางเลื่อน ระหว่างการใช้งาน ขณะขึ้น-ลง ไม่ควรหยอกล้อ เล่นโทรศัพท์มือถือ มองจังหวะการเคลื่อนตัวของบันไดเลื่อน-ทางเลื่อน ก่อนการก้าวเท้า เลี่ยงอุบัติเหตุ 2. หากสัมภาระหนักจนเกินไปมองหาลิฟท์หรือบันไดเลื่อนสำหรับรถเข็น ปลอดภัยกว่า เพราะล้อรถเข็นอาจลื่นไถลหรือสะดุดกับพื้นต่างระดับของบันไดเลื่อน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้แต่หากเร่งรีบและกระเป๋าสามารถถือได้ การใช้บันไดแบบธรรมดาก็เป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ 3. ระวังจุดสิ้นสุดทางเลื่อน ควรก้าวเท้าก่อนถึงบันไดเลื่อนขั้นสุดท้าย รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังขณะก้าวเท้า เพื่อป้องกันการสะดุดล้มหรือชนผู้ที่อยู่ด้านหลัง ไม่วางเท้าบนเส้นสีเหลืองเพราะเป็นตำแหน่งของขั้นบันไดที่แยกออกจากกันจะทำให้เสียการทรงตัวและหกล้มได้ จุดเสี่ยงของการใช้งานบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อน คือบริเวณจุดสิ้นสุดทางเลื่อนเป็นจุดอันตรายที่สามารถติดหรือถูกดูดได้ 4. การจัดวางกระเป๋าเดินทาง ไม่ควรวางไว้ด้านหน้า อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากการสะดุดหรือหนีจากอุบัติเหตุ ควรวางด้านข้างหรือด้านหลัง 1 ขั้น และเมื่อถึงจุดสิ้นสุดทางเลื่อน ควร “ยก” กระเป๋าข้ามไม่ลากผ่านเพื่อป้องกันล้อกระเป๋าเข้าไปติดร่องของบันได 5. ตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย พร้อมยกชายผ้าให้พ้นระดับพื้น ผูกเชือกรองเท้าให้แน่นเพื่อป้องกันมิให้ชายผ้าเข้าไปติดในช่องหรือซี่หวีของบันไดเลื่อน เพิ่มความระมัดระวังในการสวมรองเท้าส้นสูงขณะใช้งานบันไดเลื่อน-ทางเลื่อน กรณีรองเท้าเข้าไปติดในซี่ร่องบันไดเลื่อน ให้รีบถอดรองเท้าออกทันที 6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอันตราย เช่น การยืนพิงกับขอบด้านข้างของบันไดเลื่อน การนั่งบนราวจับ นั่งบนบันไดเลื่อน ยื่นศีรษะ/ลำตัวออกนอกราวจับ ยื่นเท้าชิดขอบข้างของบันไดเลื่อนมากเกินไป เพราะอาจได้รับอันตรายได้ และจับราวบันไดเลื่อนให้มั่น จะช่วยป้องกันการเสียการทรงตัว ปลอดภัยไว้ก่อนเพราะเรื่องอื่นๆ อาจอยู่เหนือการควบคุมของเรา
- มาเป็นผู้โดยสารน่ารักๆกันดีกว่า
ขณะเดินทางบนเครื่องบิน หลายคนอาจเคยทำให้คนอื่นรำคาญโดยไม่รู้ตัว หรืออาจเคยรำคาญคนอื่นๆ อยู่บ้าง วันนี้คาจิโอนี่มาชวนดูพฤติกรรมบางอย่างที่จะช่วยให้เราเป็นผู้โดยสารน่ารักๆ ในช่วงเวลาที่ต้องร่วมเดินทางกับผู้อื่น 1. ใส่ใจคำแนะนำและข้อปฏิบัติบนเครื่องบิน ข้อแรกแน่นอนว่าเราจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของลูกเรือ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยจึงควรรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง และควรชมการสาธิตการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินจากลูกเรือด้วย หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ การฝ่าฝืนคำสั่งลูกเรือ หรือมีเจตนารบกวน การปฏิบัติหน้าที่ของลูกเรือบนเครื่องบิน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 (ข้อมูลจาก twitter : กองปราบปราม @CSDThailand) 2. ให้เกียรติพนักงาน / อย่ากดปุ่มเรียกพนักงานโดยไม่จำเป็น ในห้องโดยสารแต่จะชั้นโดยสารจะมีจำนวนแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตเพียงไม่กี่คน อย่าเถียงพนักงานเวลาเขามาเตือนให้ทำตามกฏรักษาความปลอดภัยบนเครื่อง เพราะบนเครื่องบินไม่ได้มีเราคนเดียว ยังมีผู้โดยสารอีกเป็นร้อยชีวิตร่วมทางมาด้วย นอกจากนี้ การที่คุณกดปุ่มเรียกขอบริการจากแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตบ่อยครั้งหรือเกินความจำเป็นอาจจะทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นไม่ได้รับบริการที่ดีและเหมาะสมเท่าที่ควร 3. สัมภาระถือขึ้นเครื่อง โดยทั่วไปการนำสัมภาระขึ้นเครื่องบินนั้น จำนวนไม่เกิน 2 ชิ้น ต่อ 1 ท่านรวมของใช้ส่วนตัว และทั้ง 2 ชิ้น รวมกันไม่เกินน้ำหนัก 7.0 kg ซึ่งจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถจัดเก็บไว้ในช่องที่กำหนดได้ หากเรามีกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องเกิน 1 ใบ ให้เอาใบเล็กวางไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าแทนที่จะพยายามยัดทั้ง 2 ใบเข้าไปในตู้จนไม่เหลือที่ให้คนอื่นเลย อย่าลืมว่าตู้เก็บของนี้มีไว้ใช้ “ร่วมกัน” ไม่ใช่ของเราคนเดียว ทีนี้พิ้นที่เก็บกระเป๋าบนเครื่องบินก็จะเพียงพอ อย่าเอาเปรียบคนอื่น เพราะกระเป๋าใบใหญ่และน้ำหนักมากเกินกำหนดอาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้ 4. ยกสัมภาระด้วยตัวเอง การเก็บสัมภาระบนช่องเก็บด้านบน เป็นหน้าที่ของผู้โดยสาร ไม่ใช่หน้าที่ของแอร์โฮสเตส เราไม่สามารถออกคำสั่งให้แอร์โฮสเตสมายกสัมภาระให้เราได้ บางท่านอาจเคยเห็นแอร์ช่วยเหลือผู้โดยสาร นั่นอาจจะเป็นผู้โดยสารสูงอายุหรือคนที่เอื้อมไม่ถึง หากเหลือบ่ากว่าแรงให้ลองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมเดินทางของเรา หรือผู้โดยสารใกล้เคียงดู ส่วนกระเป๋าที่หนักรู้ตัวว่ายกไม่ไหว แนะนำให้โหลดใต้ท้องเครื่อง เสียเวลารอรับกระเป๋าที่สายพานดีกว่าทำให้ตัวเองและคนอื่นลำบาก และจังหวะการยกเก็บสัมภาระ อย่าลืมชำเลืองมองด้านหลัง ด้านข้างสักนิด ระมัดระวังไม่ให้ไปกระทบกับคนรอบข้าง 5. การใช้ทางเดิน ไปถึงที่นั่งแล้วแต่ไม่ยอมนั่งลงสักที มัวแต่สาละวนหยิบโน่นจับนี้ หรือไม่ก็คุยเล่นกับหมู่คณะโดยไม่แคร์ว่ามีคนอื่นยืนรอยาวเหยียด อันนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำสำหรับนักเดินทางมืออาชีพ สิ่งที่ควรทำคือ พยายามจัดเก็บสัมภาระต่าง ๆ ของตัวเองเข้าที่อย่างรวดเร็วแล้วลงนั่งให้เรียบร้อย เพื่อเปิดทางให้คนอื่นเขาเดินต่อไป ไม่ควรวางถาดอาหารบนพื้น เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เพราะจะกีดขวางทางเดิน ควรนำขยะทุกอย่างไว้บนถาดอาหารให้หมด โดยไม่มีอะไรล้นออกมา ส่วนเวลาจะลงจากเครื่อง ควรรอให้เครื่องจอดสนิทหรือจนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดดับก่อนแล้วค่อยลุก ไม่จำเป็นต้องแย่งกัน ทุกอย่างมีหลักง่าย ๆ คือ ให้คนข้างหน้าไปก่อน ถ้าเขายังไม่พร้อมเราค่อยไป 6. ดูแลลูกหลานของตัวเอง ไม่ให้รบกวนผู้โดยสารคนอื่น หากการเดินทางด้วยเครื่องบินมีเด็กไปด้วย ควรจะดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี เพื่อไม่ให้ไปรบกวนผู้โดยสารคนอื่น เพราะถึงหลายคนจะเข้าใจธรรมชาติของเด็กว่าก็ต้องมีซนมีงอแงบ้าง แต่เราก็ควรพยายามสุดความสามารถในการควบคุมลูกไม่ให้ไปรบกวนคนอื่นด้วย หรือหากเป็นเด็กเล็กที่ชอบงอแงและร้องไห้ เวลาจองตั๋วเครื่องบิน ขอแนะนำพ่อแม่หรือผู้ปกครองว่า ควรเลือกที่นั่งบริเวณแถวหน้าที่เป็น Long Leg 7. ขอบคุณ และ ขอโทษ ถือเป็นมารยาททางสังคมที่ทุกคนจะต้องมีอยู่แล้ว นั่นก็คือการรู้จักคำว่า “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ” ไม่เพียงแต่บนเครื่องบินเท่านั้น การโดยสารด้วยเครื่องบินเป็นเวลานานๆ ถือว่าเราใช้พื้นที่ร่วมกับคนอื่นๆ ใกล้ชิดกว่าปกติ การได้นั่งติดกันกับคนไม่รู้จัก เป็นเวลานานๆ หรือการรับการบริการต่างๆ ตลอดไฟล์ทบิน คำพูดขอบคุณ หรือขอโทษเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีและพร้อมช่วยเหลือเราเสมอ 8. อย่าเอนเบาะ / อย่าถีบเบาะ! มารยาทอีกข้อที่ควรปฏิบัติตามอย่างยิ่งก็คือ อย่าเอนเบาะมากเกินไป และอย่าถีบเบาะ รวมถึงการเล่นเกมบนจอด้านหลังพนักพิง ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงเช่นเดียวกันโดยเฉพาะเวลาที่คุณพาลูกหลานเด็กเล็กมาด้วย ต้องช่วยดูแลไม่ให้เค้าเผลอไปซนถีบเบาะที่นั่งด้านหน้าของคนอื่น เพราะจะเป็นการรบกวนผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้า การเอนเบาะนั้นเป็นเราหรือคนอื่นอาจจะคิดไม่ถึง แน่นอนว่าการเอนเก้าอี้คือ “สิทธิ์” ของเรา เพราะเมื่อเครื่องขึ้นไปแล้วเราก็จะปรับเอนเบาะเพื่อให้นั่งสบาย แต่เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟอาหาร เราก็มักจะลืมไปว่าเบาะที่เราปรับเอนนั้น ทำให้ผู้โดยสารแถวหลังทานอาหารไม่สะดวก ดังนั้น จะให้น่ารักควรปรับเบาะขึ้นตรงทุกครั้งเมื่อเวลาเสิร์ฟอาหาร และควรรอจนกว่าพนักงานเก็บถาดอาหารเรียบร้อยแล้วจึงค่อยเอนได้อีกครั้ง สำคัญมากคือ ก่อนเอนทุกครั้งควรหันไปมองคนข้างหลังสักนิดให้แน่ใจว่าเขาพับเก็บโต๊ะหน้าที่นั่งดีแล้ว 9. อย่าใช้ห้องน้ำเป็นเวลานาน จำนวนห้องน้ำบนเครื่องบิน จะแปรผันไปตามสายการบินและชั้นที่โดยสาร และสำหรับชั้น Economy มักจะมีขนาดเล็ก เพื่อประหยัดพื้นที่ของเครื่องบิน โดยเฉลี่ย 1 ห้อง จึงเท่ากับต่อผู้โดยสารประมาณ 28-30 คน ดังนั้นอย่าใช้ห้องน้ำเป็นเวลานานราวกับอยู่บ้าน ควรเผื่อให้คนอื่นได้ใช้บ้าง และรักษาความสะอาดด้วย ที่สำคัญคืออย่าทิ้งขยะลงไปในท่อเพราะถ้าห้องน้ำท่อตันใช้ไม่ได้ า ห้องน้ำห้องนั้นจะต้องถูกปิดไปตลอดทั้งไฟล์ทการเดินทาง 10. คุยเสียงดังระหว่างนั่งเครื่องบิน จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ รถไฟฟ้า หรือเครื่องบินก็ตาม ไม่ควรจะพูดคุยหรือส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นอยู่แล้ว การใช้เสียงบนเครื่องบินยิ่งเป็นเรื่องต้องระวัง ไม่ควรคุยเสียงดังหรือพูดคุยข้ามศีรษะผู้โดยสารท่านอื่น เพราะจะสร้างความรำคาญให้กับผู้โดยสารท่านอื่น ๆ หากต้องการคุยกัน อาจจะใช้วิธีการเดินไปคุย ในเวลาที่เครื่องบินอนุญาตให้ลุกจากที่นั่ง หรือหากคุณโดยสารในชั้นธุรกิจหรือ Business Class ขึ้นไป บนเครื่องบินบางลำจะมีอุปกรณ์สื่อสารระหว่างที่นั่ง คล้ายการใช้โทรศัพท์ติดต่อภายใน พูดคุยกันระหว่างที่นั่งได้ 11. ห้ามทำอะไรที่ส่งกลิ่น เราไม่ควรเป็นแหล่งกระจายกลิ่นไม่พึงประสงค์แก่ผู้คนรอบข้าง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นมารยาททางสังคมที่พึงมี ทั้งนี้ มารยาทบนเครื่องบินอีกข้อ ทุกคนควรจะจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง เพื่อไม่ให้ไปรบกวนผู้โดยสารคนอื่นด้วยก็คือ เรื่องกลิ่นตัว กลิ่นเท้า เสียงกรน และอาการเมาเครื่อง ซึ่งถ้าทราบล่วงหน้าว่าตัวเอง เป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องข้างต้น ก็ควรแก้ไขและหาตัวช่วย 12. เก็บผมให้เข้าที่ นอกจากแขนขาที่ควรต้องระวังไม่ให้ล้ำที่คนอื่น ผมก็ควรเก็บให้เรียบร้อยด้วย บางคนพอนั่งปุ๊บก็ชอบสยายผมหรือรวบเป็นหางม้าแล้วยกข้ามมาทิ้งไว้ข้างหลังเป็นพวง ทำให้คนด้านหลังถึงกับสะดุ้งที่อยู่ ๆ ก็มีหางม้ามากวัดแกว่งอยู่หน้าจอทีวีเฉยเลย 13. ใช้หูฟังทุกครั้งที่ดูหนัง/ฟังเพลง หากไฟล์ทบินของคุณใช้เวลายาวนาน คุณควรที่จะมีหูฟังพกติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย จะได้เอาไว้ใช้ดูหนังหรือฟังเพลงฆ่าเวลาและจะได้ไม่เบื่อ ควรใช้หูฟังทุกครั้งที่ดูหนัง ฟังเพลงผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอพอด ไอโฟน ไอแพด แท็บเล็ตดูหนัง ดูซีรีย์ต่างๆ จะได้ไม่รบกวนคนอื่น ทั้งนี้ หากไม่มีหูฟังคุณสามารถขอจากแอร์โฮสเตสได้ (ในกรณีที่สายการบินนั้นมีบริการ) 14. อย่าเปิดหน้าต่างอยู่คนเดียว หลายเที่ยวบินที่ต้องเดินทางผ่านเขตเวลาที่แตกต่างกัน โดยด้านนอกอาจจะสว่างจ้า แต่ในเครื่องบินมักจะถูกปรับสภาพแสงไว้เพื่อให้ผู้โดยสารนอนพักผ่อน ปิดไฟมืดสนิท หน้าต่างปิดสนิททุกบาน ระวังอย่าเปิดหน้าต่างอยู่ช่องเดียวของเครื่องบิน เพราะคุณอาจจะทำให้ผู้โดยสารอื่นนอนไม่หลับ 15. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีสติ บนสายการบินแบบ Full Services ส่วนมากมีบริการเสิร์ฟเครื่องดื่มทั่วไป รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ฟรี แต่เราต้องรู้ลิมิตตัวเอง การดื่มเยอะไปไม่ส่งผลดีอะไรเลย เพราะนอกจากจะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำทุก 20 นาทีแล้ว ยังทำให้มีกลิ่นติดตัว เสียบุคลิก และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เกินการควบคุมหรือเรียกง่าย ๆ ว่า เมาจนคุมสติไม่ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะคุณอาจจะทำให้ผู้โดยสารท่านเกิดความรำคาญหรือเดือดร้อน ซึ่งถ้าคุณเมามาก ทางแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตสามารถเชิญตัวคุณไปสงบสติอารมณ์ได้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน 16. อย่ารีบลุกตอนเครื่องยังไม่จอดสนิท การเดินทางโดยเครื่องบิน จะเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่เครื่องลงจอดจะมีการประกาศและแจ้งสัญญาณให้ทราบว่าไม่อนุญาตให้ลุกจากที่นั่งไว้ทุกครั้งก่อนเครื่องลงจอด และเมื่อล้อของเครื่องบินลงแตะที่สนามบินคุณยังไม่ควรลุกจากที่นั่ง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างเครื่องลงจอด ควรนั่งในที่นั่งของตนเองพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยจนกว่าเครื่องบินจะจอดสนิทที่สนามบินปลายทาง หรือจนกว่าเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลประกาศให้ลุกจากที่นั่งได้ การปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง มีมารยาทไม่ทำในสิ่งที่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่นหรือทำให้คนอื่นเดือดร้อนจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมระหว่างเดินทางด้วยเครื่องบิน จะช่วยสร้างความสุขระหว่างการเดินทางให้กับผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางในเครื่องบินลำเดียวกันได้ไม่ยาก และยังทำให้คุณไม่ดูแย่ในสายตาของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
- หากระเป๋าเดินทางดี ๆ สักใบ แต่ขอดีไซน์สวย ทันสมัย ด้วยได้ไหม Caggioni รุ่น Voyageur
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ เทรนด์ช่วงนี้หลาย ๆ คนคงนึกถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวกันใช่ไหมคะ ได้ไปพักผ่อน เจอสถานที่สวย ๆ สนุก ๆ เนี่ย เป็นการเพิ่มพลังให้ตัวเองได้ดีสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ พอนึกถึงว่าต้องออกไปค้างคืนที่อื่น สิ่งแรกที่เพื่อน ๆ คิดคืออะไรกันบ้างคะ ? สำหรับมิกิ คือกระเป๋าเดินทางค่ะ ยิ่งถ้าไปต่างประเทศ กระเป๋าเดินทางถือว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ ถ้ากระเป๋าดีไซน์มาดี ก็ทำให้การเดินทางของเราสะดวกขึ้นด้วยนะคะ วันนี้ มิกิ เลือกกระเป๋าเดินทาง Caggioni รุ่น Voyageur Luggage มาแนะนำค่ะ หลัก ๆ เลยคือเรื่องดีไซน์ ปกติของใช้จะเลือกที่แบบสวย ดูดี ไม่ค่อยซ้ำใครค่ะ ( จะได้จำง่ายด้วย ) แล้วก็ถ้าเป็น กระเป๋า ต้องจุได้เยอะ ล้อลากง่าย ๆ ไม่ต้องใช้แรงเยอะ กระเป๋าของมิกิ ขนาด 24 นิ้ว สี Metallic Blue ราคา 5,950 บาท ( โปรโมชั่น ดูได้จากทางร้านนะคะ ) สำหรับกระเป๋า 24 นิ้ว อันนี้เหมาะสำหรับการเดินทาง 4 - 6 คืนค่ะ ( แต่ถ้าเป็นสาว ๆ สัมภาระเยอะ จะคืนเดียวก็ได้ เราพกของไปได้เต็มที่เลย ไม่ต้องแยกมาใส่กระเป๋าอื่นอีก ) ตัวกระเป๋า ทำจาก PC ( Poly carbonate ) ข้อดีคือ มีน้ำหนักเบา ตรงนี้ช่วยเรื่องต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋าได้ด้วยนะคะ แล้วก็เรื่องความแข็งแรง ทนแรงกระแทก ก็ทำได้ดี ทนความร้อนสูง ทำความสะอาดได้ง่ายด้วย ดีไซน์ด้านนอกกระเป๋า เป็นลายตารางหมากฮอส ดูทันสมัย และเป็นเอกลักษณ์ดี กระเป๋าเดินทาง Caggioin มีการจดสิทธิบัตรกระเป๋า หรือที่เรียกกันว่า Patented Design ด้วยค่ะ ส่วนหูจับ จะมี 2 ตำแหน่ง คือ ด้านบน กับ ด้านข้าง สำหรับสาว ๆ ตัวเล็ก คิดว่าใช้หูจับทางด้านข้างจะสะดวกกว่ามากเลยค่ะ ตรงหูจับ ยืดหยุ่นได้ดีค่ะ ดูแข็งแรง คันชัก ตัวนี้ทำจากอะลูมิเนียม แข็งแรง ทนทาน กดปุ่มแล้วดึงขึ้นได้เลย คันชัก ตรงนี้ปรับระดับ ได้ 3 ระดับ ส่วนที่รู้สึกว่าชอบมาก ก็คือ มีซิปขยายค่ะ ซิปขยายที่มากับกระเป๋าใบนี้ แข็งแรงมาก รูดง่าย ไม่ติดขัด ปกติเวลาเดินทางเนี่ย เราจัดกระเป๋าอย่างดี เป็นระเบียบของเลยใส่ได้พอดี แต่พอขากลับ บางทีเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว ถึงพับมันก็ไม่เรียบแบนเท่าเดิม หรือ บางทีเราซื้อของมาเพิ่มอีก ทำให้กระเป๋าเต็มปิดไม่ลง กระเป๋ารุ่นนี้พอเรารูดซิปขยายจะใส่ของเพิ่มได้อีกประมาณ 20 - 25 % เลย อีกเรื่องที่สำคัญมากในตอนเดินทาง คือ ล้อลาก ค่ะ อันนี้เป็นล้อคู่ หมุนได้ 360 องศา คือ จะลากไปในแนวไหนก็ได้ ลากง่าย ไม่ต้องออกแรงเยอะ ตัวล้อ เป็นล้อยางขนาดใหญ่ ทนทาน ระบบล็อคแบบ TSA ( Transportation Security Agency ) ออกแบบมาสำหรับเจ้าหน้าที่ในสนามบิน ถ้ามีเหตุต้องเปิดดูสิ่งของต้องสงสัย คือเราล็อคกระเป๋าได้ตามปกติ แต่เจ้าหน้าที่ TSA จะมีเครื่องมือปลดล็อคพิเศษ ทำให้ไม่ต้องงัดกระเป๋าเราเสียหาย วิธีการตั้งรหัสกระเป๋า 1. กระเป๋าใหม่จะมีรหัสเริ่มต้น คือ 000 วิธีปลดล็อคคือ ดันปุ่มวงกลมไปตาม ลูกศร 2. พอตัวล็อคหลุดออกมาแล้ว ให้เราดันปุ่มวงกลมค้างไว้ แล้วตั้งรหัสใหม่ เส ร็จแล้วค่อยปล่อย 3. เท่านี้ก็เสร็จค่ะ ข้อดีคือ เราไม่ต้องพกอะไรแหลม ๆ มาจิ้ม ตอนที่จะรีเซ็ทรหัสกระเป๋าค่ะ ซิป 2 ชั้น เพิ่มความปลอดภัยเรื่องการโดนงัดแงะกระเป๋า แต่ที่จริงแล้ว ถ้าต้องเดินทางแบบโหลดกระเป๋า ก็แนะนำว่าไม่ควรใส่ของมีค่าไว้ในกระเป๋านะคะ ด้านในกระเป๋า มีที่ปิด เอาไว้แยกสัดส่วนได้ดี ฝั่งที่เป็นผ้าทึบ ด้านบนมีซิปแยก 2 ช่อง ใส่พวกเอกสาร หรือ ของใช้เล็ก ๆ ได้ ด้านในกระเป๋าอีกฝั่ง มีสายล็อคกระเป๋าปรับระดับความยาวได้ ตาข่าย และ ผ้า มีความยืดหยุ่นดี ซิปแข็งแรงดีค่ะ Warranty Card จะติดมากับตัวกระเป๋าด้วย มีระยะเวลารับประกัน 2 ปี สำหรับการใช้งาน ค่อนข้างที่จะชอบเลยค่ะ ดีไซน์ดูสวยดี ทั้งความแข็งแรง ล้อลากง่าย ขยายกระเป๋าได้ด้วย จะใช้สำหรับเดินทาง หรือ ใส่สัมภาระเวลาที่ต้องออกไปถ่ายงานได้อย่างดีเลย คะแนนความพอใจ 4.5 / 5 ( อยากให้ทำกระเป๋ารุ่นสวย ๆ ในสีหวาน ๆ พาสเทล ออกมาด้วยค่ะ ) กระเป๋าเดินทางรุ่นนี้เขามีอยู่ 3 ขนาดค่ะ - ขนาด 20 นิ้ว 36 x 21 x 48 ซม. น้ำหนัก 2.5 กก. - ขนาด 24 นิ้ว 43 x 27 x 60 ซม. น้ำหนัก 3.6 กก. - ขนาด 28 นิ้ว 50 x 30 x 68 ซม. น้ำหนัก 4.5 กก. * สำหรับกระเป๋า Carry on จะเป็นไซส์ 20 นิ้ว ค่ะ เพื่อน ๆ ที่กำลังตามหากระเป๋าเดินทางล้อลาก ที่มีดีไซน์สวย ทันสมัย แข็งแรง ใช้สะดวก ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้นาน กระเป๋า Caggioni รุ่น Voyageur ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลย Shop : Caggioni กระเป๋าเดินทาง รุ่นโวยาจเจอร์ (Voyageur : 15082) ข่าวสาร โปรโมชั่น ติดตามได้ตามช่องทางนี้ค่ะ Website : www.bbag.co.th Facebook : bbag.co.th Line : @bbag CR. Tisiny
- "Phishing Scams" รู้ทันก่อนตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพออนไลน์
รู้จัก Phishing "Phishing" การหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต พ้องเสียงมาจากคำว่า Fishing หมายถึงการตกปลา เป็นการเปรียบเทียบว่า มิฉาชีพจะใช้เหยื่อล่อมาหลอกลวง ส่วนใหญ่แล้วจะมาในรูปแบบของอีเมล เว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อที่จะหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นความลับ ไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่าน หมายเลขบัตรประชาชน เลขที่ Passport รวมไปถึงข้อมูลลับทางการเงิน ทั้งเลขที่บัญชีและรหัสผ่าน หรืออาจจะเป็นการหลอกให้กดยอมรับและติดตั้งมัลแวร์แปลก ๆ เข้าสู่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง และใช้ประโยชน์หลังการติดตั้งมัลแวร์อีกที เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสร้างความเสียหายในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการเงิน ทำให้ผู้อ่านหลงเชื่อว่าเป็นความจริงจนตกเป็นเหยื่อ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่การล่อลวงธรรมดา ๆ ที่เราอาจรู้ได้ทันทีว่าหลอกลวง แต่มักจะมีการใช้วิธีทางจิตวิทยาเข้าร่วมด้วยเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หรือเล่นกับความรู้สึกของคน ดังนั้น ภัย Phishing จึงเป็นการหลอกลวงอย่างมีศิลปะชวนให้เชื่อ ซึ่งจะทำให้เราหลงเชื่อได้ง่ายกว่า โดยอาจจะมาในรูปของอีเมลแจ้งเตือนทั้งจากธนาคาร เว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ที่เราใช้งานกันเป็นประจำ ที่พอเราได้เห็นชื่อของผู้ส่งข้อความก็จะเกิดความเชื่อว่าปลอดภัยและยอมทำตามโดยง่าย หรืออาจมีการล่อลวงด้วยของฟรี เพื่อเล่นกับความรู้สึกอยากได้ของฟรีของมนุษย์ เช่น กดลิงก์นี้ก็จะได้รับเงินง่าย ๆ หรือหลอกลวงด้วยชื่อของสายการบินดัง โดยอ้างว่าคุณได้รับตั๋วเครื่องบินฟรี กดลิงก์นี้เพื่อรับตั๋วเครื่องบิน โดยทั่วไป Phishing จะนิยมให้กดที่ลิงก์ที่แนบมาด้วย เพื่อพาเราไปยังหน้าเว็บอื่นเพื่อทำการกรอกข้อมูล แน่นอนว่าเว็บที่ลิงก์พาเราไปนั้น ก็จะทำเลียนแบบเว็บไซต์ของหน่วยงานหรือองค์กรที่มีอยู่จริงจนเกือบจะเหมือนกับต้นฉบับ หรืออาจจะแสร้งทำเป็นหน่วยงานปลอม ๆ ที่ไม่มีอยู่จริง แต่ทำหน้าตาเว็บไซต์ให้ดูน่าเชื่อถือก็ได้เช่นกัน วิธีการที่ Phishing พยายามล้วงข้อมูลจากเรา มักเกี่ยวข้องกับ สิ่งสำคัญต่างๆ เหล่านี้ บัตรเครดิต / บัญชีธนาคาร เร่งเหยื่อโดยกำหนดเงื่อนไขเวลา เพื่อให้รีบตัดสินใจคลิก URL โดยไม่คิดอะไรมาก เพื่ออัพเดทข้อมูลภายในเวลาที่กำหนด โดย Username / Password มักถูกดักจับทันที อีเมลปลอม เป็นคนรู้จักส่งอีเมลเพื่อลวงให้เหยื่อทำอะไรบางอย่าง รวมถึงการให้โอนเงินให้ หรือ ให้ดูเหมือนของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคารโดยเขียนข้อความในอีเมลเชิงหลอกล่อเพื่อให้เหยื่อส่งข้อมูลส่วนตัวกลับไป เว็บไซต์ปลอม โดยใช้ Domain ที่มีชื่อที่ใกล้เคียงเว็บไซต์จริงหรือใช้ชื่อที่ผู้มักพิมพ์ผิดบ่อย ๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่จะนำไปสู่บัญชีเก็บเงินของลูกค้า เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกรอกข้อมูล รหัสประจำตัว และ Password มิจฉาชีพก็สามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมทางการเงินของเราได้ทันที ช่องทางในการล่อเหยื่อ ทางโทรศัพท์ (Phone Call PHISHING) อีเมล (Email PHISHING) เว็บไซต์ (Website PHISHING) ข้อความสั้น (SMS PHISHING) โซเซียล มีเดียต่างๆ (Social Media PHISHING) 5 แนวทางป้องกัน "Phishing" ระวัง : ไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์ เช่น Facebook และ LinkedIn เนื่องจากแฮกเกอร์มืออาชีพมัก ชอบหาเบาะแสและศึกษาปูมหลังของเหยื่อเพื่อให้ได้แนวทางการสวมรอยเพื่อส่งอีเมลปลอมไปหาเหยื่อ สังเกตุ : Domain ของเว็บไซต์ที่ส่งมา โดนทั่วไปผู้ไม่ประสงค์ดีมักชอบจดชื่อที่ผู้ใช้ชอบพิมพ์ผิดหรือชื่อที่ดูเผินๆ แล้วใกล้เคียงกับชื่อองค์กร ไม่คลิกลิงก์ที่แนบมาในอีเมล์ของคนที่เราไม่รู้จัก ปกป้อง : บัญชีออนไลน์ของเราให้ดี เพื่อป้องกันกรณีถูกขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ควรใช้มาตรการการยืนยันตนแบบสองปัจจัย (2FA) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยหลัก ตรวจสอบ : มองหาไอคอนรูปกุญแจ + https โดยปกติธนาคารจะใช้งาน HTTPS เพื่อป้องกันการโจมตีทางเครือข่าย ดังนั้นควรสังเกตให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่ทำธุรกรรมออนไลน์เป็น HTTPS ก่อนให้ข้อมูลส่วนตัว สงสัย : รับอีเมลให้คลิกลิงก์ หรือมีคนโทรสอบถามข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลบัตรเครดิต เแอบอ้างองค์กรที่มีชื่อเสียง ก่อนให้ข้อมูลลองติดต่อ Call Center เบอร์โทรด้านหลังบัตรก่อน และทั้งหมดนี้ คือ การหลวงลวงผ่านการหลอกให้ตอบแบบสอบถามด้วยวิธีต่าง ๆ หวังว่าทุกคนน่าจะพอเอาไปใช้ระวังตัวกันได้นะ
- รีวิวการใช้งานกระเป๋าเดินทางดีไซน์เก๋ CAGGIONI VOYAGEUR
สวัสดีค่า จอยจี้เองค่ะ วันนี้เอาไอเท็มเด็ดมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้รู้จักอีกแล้ว นั่นก็คือกระเป๋าเดินทางจาก Caggioni รุ่น Voyageur Luggage ใครที่กำลังมองหากระเป๋าไซส์ Carry On หรือถือติดตัวขึ้นเครื่อง ไปเที่ยวต่างจังหวัดกรุบๆ 2-3 วัน ต้องไม่พลาดรีวิวนี้เลย มามุงเร็วววว! ดีไซน์ล้ำ ไม่ซ้ำใคร สำหรับกระเป๋ารุ่นนี้ มีอยู่หลายสี ดำ แดงไวน์ เงิน ฟ้า และมี 3 ไซส์ด้วยกันค่ะ ได้แก่ ขนาด 20 นิ้ว (ไซส์ Carry on) : 36 x 21 x 48 ซม. น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ขนาด 24 นิ้ว : 43 x 27 x 60 ซม. น้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม ขนาด 28 นิ้ว : 50 x 30 x 68 ซม. น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม ซึ่งขนาดที่จอยเอามารีวิววันนี้คือไซส์ 20 นิ้ว สีดำสุดเท่ห์นั่นเอง พูดถึงเรื่องดีไซน์ จอยว่าลวดลายของกระเป๋าใบนี้เก๋มากๆ สวยแปลกตาไม่ซ้ำใคร อย่างเวลาตอนรับกระเป๋า มองเหนสะดุดตาไม่ต้องกลัวสลับกับใครแน่นอน โดดเด่นด้วยลายที่ตัดกัน คล้ายตารางหมากฮอส มีการจดสิทธิบัตรกระเป๋า หรือที่เรียกกันว่า “Patented Design” ด้วย ความแข็งแกร่งที่น้ำหนักเบา สิ่งที่เราประทับใจอีกอย่างนึงคือความเบา แต่แข็งแรงทนทาน ทำจาก PC (Ploycarbonate) ลักษณะแข็ง ทนแรงยึดและแรงกระแทกได้ดี ถ้าทำเลอะก็เช็ดออกได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวเปื้อน ล้อทนทาน อีกอย่างนึงที่ทั้งแม่และทั้งแฟนทักเป็นเสียงเดียวกัน พอเห็นกระเป๋าใบนี้คือ ล้อ! เพราะล้อลักษณะยางคู่แบบนี้จะมีความแข็งแรงทนทาน สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา ทำให้เราลากง่าย และสบายขึ้นมากๆ คันชัก คันชักที่ไว้ลากกระเป๋าทำจากวัสดุอะลูมิเนียม มีความแข็งแรง ทนทาน มีปุ่มกดสามารถปรับระดับความยาวขึ้น-ลงได้ ส่วนหูหิ้วกระเป๋าทั้งสองด้าน (บนกับข้าง) ก็จับถนัดมือ หิ้วของน้ำหนักเยอะๆ ได้สบายมือ ภายในกว้าง ใส่ของจุ มาดูที่ด้านในกันบ้าง ด้านในมีชองแบ่งเยอะ พร้อมสายรัดไม่ให้ของเทมารวมกัน สามารถทำให้เราจัดของได้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งงานเนี้ยบ ดูดี ไม่กิ้กก๊อก ซิปคุณภาพแน่น ขยายขนาดได้ดั่งใจ ถ้าคิดว่ากระเป๋าใบจิ๋วขนาดนี้ จะยัดของพอหรอ? พี่เค้าสามารถขยายตัวเองได้ด้วยการรูปซิบขยายรอบตัวได้อีก 1 ชั้น OMG! ระบบล็อคปลอดภัย มาพร้อมมาตรการป้องกันความปลอดภัยด้วยระบบล็อคแบบ TSA เจ้าหน้าที่สนามบินสามารถไขกุญแจเพื่อตรวจสอบสิ่งของในกระเป๋าเราได้เลย ไม่ต้องงัดให้กระเป๋าพัง ไม่ต้องรอเรียนตัวมาตรวจค้นให้เสียเวลา นอกจากนั้นเรายังสามารถตั้งรหัสล็อคกระเป๋าได้เอง ไม่ต้องซื้อแม่กุญแจมาล็อคเองต่างหากให้ยุ่งยาก ครบแล้ววววว หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหากระเป๋าเดินทางคู่ใจใบใหม่นะฮะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าจ้า ใครสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิ้งก์นี้เลยฮะ Website : http://www.caggioni.com Facebook : Caggioni Travel Luggage Line : @caggioni โทร : 02-243-5433-5 CR : loveberryjoyjee
- วิธีการลอกฟิล์มกระเป๋าเดินทาง
เคยสงสัยกันมั้ย ได้รับกระเป๋าแล้วทำไมถึงมีรอยลอก รอยถลอก !!? วันนี้ Caggioni มาไขข้อข้องใจ และชวนเพื่อนๆมาดูวิธีการลอกฟิล์มกระเป๋าเดินทางกัน สำหรับกระเป๋าเดินทางที่มีลักษณะผิวเงา หรือมันวาวส่วนใหญ่แล้ว ทางบริษัทจะมีการเคลือบฟิล์มกันรอยติดมาพร้อมกับกระเป๋า เป็นพลาสติกบางๆ มองด้วยตาเปล่าบางทีแทบมองไม่เห็น นอกจากจะมีจุดที่ฟิล์มลอก หรือถลอก ถึงจะทำให้เราสามารถสังเกตได้ง่ายขึ้น หากเพื่อนๆซื้อกระเป๋าเดินทางไปแล้วพบว่ามีกระเป๋ามีรอยลอก ถลอกเป็นขุย ไม่ต้องตกใจไป เพราะนั้นไม่ใช่ตำหนิของกระเป๋า แต่เป็นเพียงฟิล์มที่เคลือบมาเพื่อป้องกันรอยในเบื้องต้นเท่านั้น โดยเราจะลอกฟิล์ม หรือไม่ลอกออกก็ได้ แต่หากเพื่อนๆต้องการลอกออก เพื่อให้เห็นสีจริงที่สวยเงางามของกระเป๋า สามารถทำการลอกออกด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ ไม่ยาก ขั้นตอนที่ 1 สังเกตให้แน่ใจว่ากระเป๋าใบนั้นมีฟิล์มเคลือบมาด้วยหรือไม่ โดยมีจุดสังเกตง่ายๆคือ กระเป๋าจะมีสีดรอป และขุ่นไม่เงา หรือมีรอยขุย เมื่อแน่ใจแล้วใช้คัตเตอร์กรีดไปตามขอบของกระเป๋า โดยกรีดให้ชิดขอบยางไล่ไปตามแนวของกระเป๋า "เบาๆ" ให้ทั่วทั้งใบ อย่าลงน้ำหนักมาก ค่อยๆกรีดเบาๆ ขั้นตอนที่ 2 หลังจากกรีดทั่วทั้งใบ ค่อยๆลอกฟิล์มออกจากตัวกระเป๋า ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง เหตุผลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆกรีดชิดขอบกระเป๋าให้ทั่วทั้งใบนั้นก็เพราะ ฟิล์มจะลอกออกมาเป็นแผ่นแบบนี้ ทำให้ลอกออกง่าย ตอนนี้จะเริ่มเห็นสีสวย และความเงาของกระเป๋าชัดเจนขึ้น ขั้นตอนที่ 3 เก็บรายละเอียดว่าฟิล์มหลุดออกหมดทั้งใบแล้วหรือยัง หลังจากนั้นเราก็จะได้กระเป๋าเดินทางที่สีสันสวยงาม และพร้อมใช้งาน จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน กระเป๋าฝั่งที่ลอกฟิล์มออกแล้วจะมีสีสันสวยงาม เห็นความมันวาวของกระเป๋าจนแทบจะส่องกระจกได้เลย แตกต่างจากฝั่งที่ไม่ได้ลอกฟิล์ม เนื้อกระเป๋าจะมีสีหม่น ไม่สดใส และหากใช้งานไปเรื่อยๆก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยขุยเพิ่มขึ้นได้ แต่ยังไงการลอกฟิล์มออกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ หรือการใช้งานของนักเดินทาง เคล็ดลับการเดินทาง หากต้องการติดสติ๊กเกอร์ตกแต่งกระเป๋า แนะนำให้ลอกฟิล์มออกก่อน เพราะจะทำให้กระเป๋ามีความเงางาม เมื่อติดสติ๊กเกอร์จะสวย และโดดเด่นมากขึ้น
- กระเป๋าเดินทางคู่ใจ Caggioni Voyageur
เพราะทุกการเดินทางเราก็ต้องแบกกระเป๋าเดินทางไปด้วยเสมอ ดังนั้นกระเป๋าเดินทางคู่ใจก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคู่หูที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียวล่ะ ดังนั้นวันนี้ หมิวเลยขอมาแนะนำกระเป๋าเดินทางคู่ใจใบใหม่กับเพื่อนๆ กัน กับเจ้า “กระเป๋าเดินทาง Caggioni รุ่น Voyageur Luggage” หลายๆ คนอาจจะเห็นว่าหมิวใช้ Backpack ค่อนข้างบ่อย แต่จริงๆ ส่วนตัวแล้วจะชอบกระเป๋าลากมากกว่าเพราะว่ามันไม่หนัก และไม่ต้องใช้ร่างตัวเองแบกอีกต่างหาก ซึ่งหมิวมีกระเป๋าคู่ใจอยู่หลายไซส์ ขึ้นอยู่กับว่าจะต้องไปเที่ยวไหนและพกอะไรไปบ้าง แต่ว่าวันนี้ขออนุญาตพก กระเป๋าเดินทางล้อลาก ใบใหญ่ 24 นิ้ว บ้าง เพราะมีโควต้าโหลดกระเป๋า! เตรียมตัวไปทะเลใต้ทั้งทีพร้อพมันก็จะเยอะๆ หน่อย อัดเข้าไปค่ะ ถึงแม้จะกางกระเป๋าออกมาแล้วจะดูรกมาก 555555 แต่ขอบอกเลยว่าจริงๆ แล้วไม่รกนะคะ สามารถจัดระเบียบของด้านในได้เป็นอย่างดี แถมลากไปมา โหลดแล้วเอากลับมาเปิดอีกรอบก็ไม่ได้เละหรือกระจัดกระจายใดๆ ด้วย เพราะที่ตัวกระเป๋ามีสายรัดเผื่อกันสัมภาระร่วงอยู่อีกชั้น ก่อนที่จะรูดซิปตาข่ายปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง และที่พิเศษกว่านั้นคือเมื่อตัดภาพมาที่ด้านนอกจะเห็นได้ว่าดีไซน์โดดเด่นสวยงามไม่ซ้ำใคร เพราะกระเป๋าเดินทาง Caggioni รุ่น Voyageur Luggage ถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นหลายคล้ายๆ กับตารางหมากฮอส และตัวแบรนด์เองก็ได้มีการจดสิทธิบัตรกระเป๋า หรือที่เรียกกันว่า “Patented Design” อีกด้วย สำหรับตัวกระเป๋าทำจาก PC (Ploycarbonate) ลักษณะแข็ง ทนแรงยึดและแรงกระแทกได้ดี มีน้ำหนักเบา และทำความสะอาดง่าย มีระบบล็อคแบบ TSA อันนี้มันคือระบบที่ทางเจ้าหน้าที่สนามบินสามารถเปิดออกดูของต้องสงสัยได้ โดยที่ไม่ต้องงัดกระเป๋าของเราให้เสียหาย ส่วนซิบที่ดูเหมือนว่ามันจะเผยอๆ อยู่นี่ก็คือความตั้งใจที่เรารูดซิปออกมาเพื่อขยายขนาดของตัวกระเป๋าเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ เพราะว่าช้อปเยอะไปนิดนึง จึงยัดใส่กระเป๋าปกติไม่พอ ซึ่งตัวซิปขยายขนาดอันนี้ช่วยเพิ่มปริมาณการจุได้อีกประมาณ 25% เลยทีเดียว นอกจากดีไซน์ที่สวยงามแล้วเจ้ากระเป๋านี้คือฟังชั่นดี เพราะว่ามีหูหิ้วทั้งด้านบนและด้านข้าง ส่วนด้านข้างอีกข้างหนึ่งก็มีที่วางอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องห่วงว่ากระเป๋าของเราจะเป็นรอย อีกหนึ่งความประทับใจของกระเป๋ารุ่นนี้และหลายๆ รุ่นก็คือ สมัยเด็กๆ นี่จะชอบใช้กระเป๋าฟรีที่แถมๆ มา ทำให้ล้อมันหมุน 360 องศาไม่ได้ ลากได้แต่ตรงๆ อย่างเดียว แต่กระเป๋าอันนี้ สามารถหมุน 360 ตามที่ใจอยากหมุนได้แบบสบายๆ และลากลื่นไม่มีสะดุดอีกด้วยแหละ แต่สำหรับใครที่ชอบดีไซน์กระเป๋าใบนี้ แต่อยากได้ กระเป๋า carry on ทางแบรนด์กระเป๋าเดินทาง Caggioni ก็มีเหมือนกันนะคะ เพราะว่ารุ่นนี้มีทั้งหมด 3 ไซส์ 4 สี คือ ดำ แดงไวน์ เงิน ฟ้า และที่สำคัญคือน้ำหนักเบาอีกด้วย อัดสัมภาระกันได้เต็มที่ โดยแต่ละไซส์จะมีขนาดดังนี้ 1. ขนาด 20 นิ้ว (ไซส์ Carry on) : 36 x 21 x 48 ซม. น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม 2. ขนาด 24 นิ้ว : 43 x 27 x 60 ซม. น้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม 3. ขนาด 28 นิ้ว : 50 x 30 x 68 ซม. น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม เอาเป็นว่าถ้าใครที่กำลังตามหากระเป๋าเดินทางที่เน้นเรื่องความเบา ดีไซน์ทันสมัย และการใช้งานจริง ก็ต้องตัวนี้เท่านั้นเลยค่ะ ให้ไปเลยที่ 10 เต็ม 10 คะแนน เพราะนอกจากจะใช้งานได้สะดวกสบายและทนแล้ว สีและดีไซน์ยังสวยมากๆ สาวเปรี้ยวๆ ชิคๆ ขอเชียร์ให้จัดสี red wine แบบหมิวเลยค่า ^^ สำหรับใครที่สนใจกระเป๋ารุ่นนี้ หรืออยากเลือกดูรุ่นอื่นๆ ของ Caggioni ก็สามารถดูแบบต่างๆ ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้เลยค่ะ : ) Website : www.caggioni.com Facebook : Caggioni Travel Luggage Line : @caggioni
- กอบกุล ฟอนฮาร์ตมัน จังหวะดีต่อยอดธุรกิจ
เรื่อง : อณุสรา ทองอุไร ทำธุรกิจมา 25 ปีได้โอกาสนำเข้ากระเป๋าและเป้แบรนด์ดังจากอเมริกา กอบกุล ฟอนฮาร์ตมัน รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บลูไล้ท์ อุตสาหกรรม เจ้าของกระเป๋าเดินทางแบรนด์คาจิโอนี่ สาวสวยหน้าหวานเธอเป็นรุ่นที่ 3 ในการทำธุรกิจผลิตกระเป๋าเดินทางทั้งมีแบรนด์เองและรับจ้างผลิตให้กับอีกหลายี่ห้อ ช่วยธุรกิจของที่บ้านที่ทำด้านกระเป๋าเดินทางมานานกว่า 50 ปี วันนี้เธอได้โอกาสดีฉลองทำงานมาครบ 25 ปีด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายกระเป๋าดังจากอเมริกาคือ แบรนด์สหรัฐอเมริกา CAT-Caterpillar ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนนี้เอง เธอเล่าอย่างภาคภูมิใจว่าแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักของอเมริกามานานมาก เพราะเขาเติบโตมาจากธุรกิจก่อสร้างทำรถแทรกเตอร์ รถแบคโฮ มีชื่อเสียงในเรื่องความแข็งแรงทนทาน แล้วระยะ 10 ปีหลังมานี้เขาก็ขยายธุรกิจแบบฉีกแนวมากๆ มาทำกระเป๋าเดินทางและเป้เป็นเป้สำหรับคนทำงานใส่คอมพิวเตอร์อุปกรณ์การทำงานอื่นๆหรือเพื่อเดินทางท่องเที่ยว ใส่เสื้อผ้าสัมภาระได้ ออกแบบมาทั้งเพื่อสุภาพบุรษและสุภาพสตรี โดยมีจุดขายในเรื่องความแข็งแรงทนทาน Caterpillar เป็นแบรนด์ใหญ่มีชื่อเสียงมาก กว่าเราจะเจรจาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายได้เขาก็พิจารณาเราเยอะ คุยกันนานในที่สุดก็ได้แบรนด์นี้มาถือเป็นแบรนด์แรกของอเมริกาที่เราได้เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยได้มาเปิดช็อปช่วงสิ้นปีพอดี เราจะเริ่มทยอยเปิดช้อปในห้างสรรพสินค้าอย่างน้อย 4-5 แห่งภายในต้นปีหน้า” เธอเล่าอย่างมีความสุข เธอบอกต่อไปว่าแม้บริษัทของเธอจะทำธุรกิจมากว่า 50 ปี แต่ก็ไม่เคยทำเป้ออกมาเลย ทำแต่กระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์เสริมต่างๆ เท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ต่อยอดธุรกิจด้วยการนำเป้เข้ามาจำหน่าย เพราะคิดว่าคนเดิทางท่องเที่ยวก็ต้องใช้ทั้งกระเป๋าเดินทางและส่วนใหญ่ต้องใช้เป้ควบคู่ไปด้วย แม้กระทั่งคนในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ที่เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ หรือผู้ที่มีสัมภาระเยอะ ต้องการความสะดวกในการเดินทาง การใช้เป้ในชีวิตประจำวันนั้นช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้มีความคล่องตัวใส่ทุกอย่างได้ครบครบในเป้ใบเดียว แล้วการออกแบบของเขามีทั้งฟังค์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน แถมมีดีไซน์ สีสัน ที่ทันสมัยส่วนเรื่องความทนทานนั้นไม่ต้องห่วงเพราะเป็นจุดขายของแบรนด์นี้อยู่แล้ว ในเรื่องราคาเราเองก็พยายามทำราคาให้ไม่แตกต่างจากการไปซื้อที่อเมริกามากนัก” เธอกล่าวทิ้งท้าย https://40plus.posttoday.com/lifestyle/28118/
- บลูไล้ท์ กรุ๊ป เปิดแผนธุรกิจใหม่รับปี 2566 เน้นบริการหลังการขาย
ตอกย้ำความเป็นมืออาชีพด้านการผลิตกระเป๋าเดินทางมายาวนานกว่า 67 ปี BLUELIGHT INDUSTRY หรือกลุ่มบลูไล้ท์ กรุ๊ป เตรียมแผนธุรกิจใหม่รับกระแสท่องเที่ยวบูม ด้วยจุดยืนที่ครองตำแหน่งผู้ให้บริการหลังการขายที่รวดเร็วและดีที่สุด มาพร้อมบริการกระเป๋าสำรองให้ลูกค้าระหว่างรอซ่อม รวมทั้งปรับลุคกระเป๋าแบรนด์ Caggioni ให้มีความทันสมัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คุณกอบกุล ฟอน ฮาร์ตมันฮาร์เตวา (อภิรมย์ฤกษ์) กรรมการผู้จัดการบริษัท บลูไลท์ อุตสาหกรรม จำกัด BLUELIGHT INDUSTRY ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางของคนไทยที่คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมกระเป๋ามายาวนานกว่า 65 ปี และจัดจำหน่ายแบรนด์กระเป๋าชื่อดังมากมาย อาทิ CAGGIONI /ECHOLAC / CATERPILLAR / MENDOZA / IT LUGGAGE / WANDERSKYE / GIOGRACIA เปิดเผยว่า หลังจากการปิดประเทศเพราะสถานการณ์ COVID-19 มาเป็นเวลา 2-3 ปี ส่งผลให้การท่องเที่ยวขาดหายไปชั่วขณะ จนปัจจุบันกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สร้างความคึกคักให้กระแสท่องเที่ยวกลับมาบูมอีกครั้ง ถือเป็นโอกาสของธุรกิจกระเป๋าเดินทางที่จะเดินหน้ารุกตลาดอีกครั้ง บริษัทฯ จึงมีแผนปรับลุคสินค้าใหม่รับเทรนด์และแฟชั่นให้ทันสมัย พร้อมบริการหลังการขายที่รวดเร็วกว่าใคร ให้ทุกการเดินทางไม่มีสะดุด “เราเข้าใจว่าทุกการเดินทางของนักท่องเที่ยวนั้นสำคัญ เราจึงเพิ่มบริการสำรองกระเป๋าเดินทางให้ เมื่อลูกค้าส่งกระเป๋าเดินทาง CAGGIONI มาซ่อม ณ จุด Caggioni Luggage Care Center ตามห้างสรรพสินค้า และศูนย์บริการของ Caggioni เพื่อสร้างความมั่นใจและความพร้อมกับทุกการเดินทาง ให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการเดินทางอีกต่อไป” คุณกอบกุล กล่าว สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 ของบลูไลท์ อุตสาหกรรม มองว่าโอกาสการเดินทางและการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แบรนด์ Caggioni กระเป๋าที่เน้นการแก้ปัญหาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเน้นเพิ่มความจุและรูปทรงที่ทันสมัย สามารถเปิดข้างหน้าได้ เหมาะกับการหยิบของได้อย่างรวดเร็วแม้ในพื้นที่ไม่อำนวยหรือพื้นที่แคบก็ตาม เพื่อตอบโจทย์ทุกการเดินทางที่ไม่สะดุด เต็มที่ทุกความสนุกพร้อมแฟชั่นสมัยใหม่ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ตั้งแต่อายุ 23 ปีขึ้นไป เพราะบทบาทของตลาดออนไลน์ที่ทำให้วัยเริ่มทำงานที่มีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น และมีแผนการเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้ บริษัท บลูไลท์ อุตสาหกรรม ได้ยกระดับขึ้นไปสู่สากลด้วยการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้ากระเป๋าเดินทางระดับไฮเทียร์ด้วยแบรนด์ ECHOLAC จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการก่อตั้งมานานกว่า 55 ปี และมีการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้วัตถุดิบจากประเทศเยอรมนีและล้อ Hinomoto จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีบริการหลังการขายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า พร้อมการันตีด้วยรางวัลดีไซน์จาก Red Dot Award 2021 และรางวัลอื่น ๆอีกมากมาย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักเดินทางที่ชื่นชอบกระเป๋าเดินทางคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และเพิ่มความสบายใจระหว่างการเดินทาง ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Facebook : bbag.co.th
- กระเป๋าเสียหายจากสายการบินทำอย่างไร ?
หากกระเป๋าเดินทางของท่านเกิดความเสียหายจากสายการบินหลังรับจากสายพาน #ไม่ควรออกจากสนามบิน ก่อนทำการยื่นเรื่องเคลม . 1. แจ้งที่เค้าเตอร์ Service ของแต่ละสายการบินจะอยู่ใกล้กับสายพานรับกระเป๋า 2.แจ้งจุดชำรุด 3.แสดง boarding pass 4.นำเอกสารที่ได้รับการเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเคลม ** หากออกจากสายการบินทันทีอาจเสียโอกาสในการเคลมได้ ** #ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเช็คกระเป๋าของท่านดังนี้ 1.หมุนดูรอบกระเป๋าเดินทาง เพื่อตรวจสอบความเสียหาย 2.ตรวจสอบซิป ล้อ คันชัก และตัวล็อค 3.ไม่ควรนำกระเป๋าขึ้นรถเข็นทันทีควรทดสอบล้อก่อนเสมอ . อะไหล่เสียหายลูกค้าสามารถส่งเคลม ซ่อมอย่างรวดเร็วได้ที่ Line: @blservice #caggioni #blservice #bbag #กระเป๋าเดินทาง
- เลือกกระเป๋าเดินทางแบบไหนดีนะ?
หลายคนคงมีปัญหาแบบเดียวกัน อยากจะไปเที่ยวแล้ว อยากได้กระเป๋าเดินทางใหม่ เลือกแบบไหนดี เลือกขนาดไหนดี วันนี้ เราจะมาแนะนำ เคล็ดลับที่ 1 - เลือกขนาดให้พอเหมาะกับจำนวนวัน ก่อนอื่นต้องนึกก่อนว่า สัมภาระเรามีอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน ของแต่งตัว รองเท้า เครื่องสำอาง ยาที่จำเป็น แล้วอย่าลืมคิดด้วยว่าขากลับจะมีของฝากติดไม้ติดมือกลับมาหรือไม่ โดยปกติแล้วขนาดกระเป๋าเดินทางตามมาตรฐาน คือ ขนาด 20 นิ้ว, 24 นิ้ว และ28 นิ้ว เดินทาง 1-2 วัน > > > กระเป๋าเดินทางขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว การเดินทางแบบเร่งด่วน อาจจะไปทำงานหรือเดินทางไปทำธุระที่ด่วนมาก ๆ มีเวลาพักค้างคืนแค่ 1 คืนเท่านั้น แนะนำกระเป๋าเดินทาง ขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว เพราะถือหิ้วขึ้นเครื่องได้ ไม่ต้องเสียเวลารอโหลด และในการเดินทางแค่คืนเดียว นำไปแต่ของจำเป็นก็เพียงพอ เดินทาง 3-4 วัน > > > กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว ใครมีแพลนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด / ต่างประเทศ อยากให้ใช้กระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้ว ใส่สัมภาระพอดีๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป แถมมีพื้นที่เหลือสำหรับสายช้อปใส่ของกลับได้เพิ่มอีก ไหนๆก็ไปเที่ยวแล้ว เลือกซื้อรองเท้าสักคู่ เสื้อสวยๆสักตัวกลับมาด้วยเป็นที่ระลึก เดินทาง 5 วันขึ้นไป > > > กระเป๋าเดินทาง 28 นิ้ว การเดินทางระยะยาว เดินทางไปศึกษาต่อ หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศที่มีอากาศหนาวมากๆ จนอากาศแทบจะติดลบ ควรใช้กระเป๋าขนาดใหญ่ เพราะเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องนำไป มักจะเป็นเสื้อโค้ตสวย ๆ หนา ๆ เอาไปใช้งาน เอาไปถ่ายรูป นึกให้ออกแล้วเลือกขนาดที่พอดีกับการเดินทาง เคล็ดลับที่ 2 - ข้อจำกัดของสายการบิน โดยปกติกระเป๋าที่สามารถถือติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry on) ได้นั้น แต่ละสายการบินจะกำหนดขนาด และน้ำหนักเอาไว้เสมอ เพื่อนๆต้องศึกษาและเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับสายการบินนั้นๆด้วยนะคะ ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม หากมีน้ำหนักมากกว่ากำหนด หรือขนาดใหญ่กว่าที่กำหนด จะต้องโหลดลงใต้เครื่อง (Checked Luggage) ไม่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ ลองเช็ครายละเอียดตามตารางด้านล่างค่ะ CAGGIONI : Explore the world เคล็ดลับที่ 3 - วัสดุของกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเดินทางประเภทอ่อน (Soft Case) ผลิตจากวัสดุผ้าโพลีเอสเตอร์ผสมไนล่อน ข้อดี : กระเป๋ามีความเบาและยืดหยุ่น สามารถใส่ลงไปในช่องเก็บสัมภาระที่แคบและจำกัดได้ และยังเหมาะมากสำหรับผู้ที่รักการช้อปปิ้งหรือมีเสื้อผ้าสิ่งของเยอะมากๆ เพราะกระเป๋าสามารถยืดหยุ่นและเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากขึ้น ข้อเสีย : ป้องกันการกระแทกได้น้อยกว่าแบบแข็ง และอาจฉีกขาดได้หากทำมาจากวัสดุที่คุณภาพไม่ดีพอ บางรุ่นไม่สามารถกันน้ำได้ กระเป๋าเดินทางประเภทแข็ง (Hard Case) ผลิตจากเม็ดพลาสติก ส่วนมากเป็นโพลีคอร์บอเนต (PC), อะคริโลไนไตรล์-บิวทาไดอีน-สไตรีน (ABS) และโพลีพร๊อพโพลีน (PP) ข้อดี : มีความแข็งแรงทนทาน มีโครงสร้างกันกระแทก กระเป๋าเดินทางบางรุ่นมีการผลิตจากวัสดุพิเศษที่ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบาแต่ยังคงทนแข็งแรง ทำให้ของภายในไม่เสียทรงหรือเสียหายหากเกินแรงกดทับหรือการกระแทกแรงๆ สามารถกันน้ำได้ และยังสามารถป้องกันขโมยได้ระดับหนึ่งเพราะมีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นเฟรมล๊อครหัส หรือบางรุ่นเลือกใช้ซิป 2 ชั้นกันกรีดเปิดได้ยาก ข้อเสีย : กระเป๋าเดินทางประเภทนี้ไม่สามารถยืดหยุ่นได้ จึงยากต่อการเก็บ ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือในรถ ในการใช้งานกระเป๋าแบบแข็งเมื่อเกิดรอยขีดข่วน จะเห็นได้ชัด นอกจากนี้หากกระเป๋าทำมาจากวัสดุที่คุณภาพไม่ดีหรือถูกมากๆ ก็อาจจะแตกได้ สำหรับกระเป๋าเป้แบ็คแพก ควรเลือกที่ทำจากผ้าที่ทนทานต่อการฉีกขาด มีรอยเย็บที่แข็งแรง ตัวกระเป๋ามีความเบาแต่รับน้ำหนักได้ดี และมีโครงสร้างที่ซัพพอร์ตหลัง สะพายนานๆ แล้วไม่ปวดหลัง ไม่เมื่อย บางรุ่นกันน้ำกันฝนได้ ระบายอากาศได้ดี เคล็ดลับที่ 4 - ช่องใส่ของ แน่นอนว่ากระเป๋าเดินทางแบบผ้า จะมีช่องใส่ของเยอะกว่ากระเป๋าเดินทางแบบพลาสติกแข็งๆ เพราะลักษณะโครงสร้างของกระเป๋าแบบแข็งไม่เอื้อต่อการมีช่องใส่ของได้มากมายนัก รวมถึงช่องใส่ของด้านนอกด้วย จึงควรพิจารณาว่าเรามีสิ่งของที่จะใส่ลงไปในกระเป๋ามากเท่าไหร่ ชอบซื้อของช้อปปิ้งเพิ่มจนกระเป๋าล้นหรือไม่ หรือเป็นคนที่ชอบจัดแจงสิ่งของให้เป็นระเบียบหรือไม่ เพื่อให้ตรงไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด แต่ล่าสุดกระเป๋าเดินทางแบบแข็งก็มีรุ่นที่สามารถเปิดฝาหน้าได้มาเป็นตัวเลือกเพิ่ม บางรุ่นสามารถจัดเก็บแล๊ปท๊อปตัวโปรด เพื่อใช้เดินทางไปทำธุรกิจได้แบบง่ายในใบเดียวพร้อมสัมภาระ หิ้วขึ้นเครื่องสบายๆ เดินลากได้แบบไม่เสียภาพลักษณ์ และอย่าลืมดูภายในกระเป๋าเดินทาง ควรมีสายรัดสัมภาระช่องเก็บของ หรือแผงผ้ากั้นแบ่งสัมภาระ นอกจากช่วยเรื่องความเป็นระเบียบแล้ว ยังช่วยให้สัมภาระในกระเป๋าไม่กระจัดกระจายอีกด้วย เคล็ดลับที่ 5 - ซิป หูหิ้ว ตัวล๊อกและคันชัก อย่าลืมตรวจดูซิปกระเป๋าให้ดีว่ามีความแข็งแรง เปิดง่าย ไม่กินเนื้อผ้า กระเป๋าบางรุ่นจะมีซิป 2 ด้าน ทำให้สะดวกต่อการเปิดใช้งานอีกด้วย บางท่านนิยมเลือกกระเป๋าเดินทางแบบซิป 2 ชั้น ช่วยป้องกันการโดนกรีดหรือซิปแตก หูหิ้วกระเป๋าต้องมีความแข็งแรง เพราะต้องรับน้ำหนักของกระเป๋าทั้งใบเวลายก หูหิ้วควรเป็นแบบยึดเกาะติดกับตัวกระเป๋า ยืดหดได้เป็นอย่างดี จับได้ถนัดมือไม่เจ็บมือหากต้องหิ้วเป็นระยะเวลานานๆ คันชักกระเป๋า ควรเลือกแบบที่สามารถปรับระดับความยาวได้เหมาะกับความสูงของเรา ปกติแล้วคันชักกระเป๋า จะปรับได้สูงสุดที่ระดับเอวเพื่อให้สะดวกต่อการลาก อย่าลืมทดลองจับและลาก หากลากกระเป๋าแล้ว กระเป๋ากระแทกกับขาของเราแสดงว่าความยาวของคันชักยังไม่สัมพันธ์กับความสูง ลองปรับระดับจนมั่นใจว่าพอเหมาะเพื่อความสะดวกระหว่างการเดินทาง ตัวล็อก เลือกกระเป๋าเดินทางที่มีตัวล็อก TSA ซึ่งเป็นการล็อกด้วยรหัส เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเปิดกระเป๋าของเราได้ ป้องกันการขโมยหรือการเปิดกระเป๋าเดินทางของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงปลอดภัยกว่ากระเป๋าที่ไม่มีตัวล็อกเลย แต่หากกระเป๋าเดินทางที่ใช้อยู่ไม่มีตัวล็อก ก็สามารถหาซื้อตัวล็อกกุญแจ หรือสายรัด TSA มาล็อกป้องกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือสะดุดตามากจนเกินไป เนื่องจากจะล่อตาล่อใจเหล่ามิจฉาชีพซึ่งอาจคาดเดาไปว่าของในกระเป๋าน่าจะมีมูลค่ามากมาย และเสี่ยงต่อการถูกขโมยได้ ล้อ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกระเป๋า กระเป๋าเดินทางล้อลากรุ่นแรก ๆ มักมี 2 ล้อ แต่ปัจจุบันกระเป๋าหลายยี่ห้อทำแบบ 4 ล้อ หมุนได้ 360 องศา ช่วยให้เพื่อนๆมีทางเลือกในการเข็นและดึงกระเป๋า อีกทั้งสามารถลากได้ง่ายกว่าแบบ 2 ล้อ เซฟแรง ไม่ทำให้ปวดข้อมือหรือไหล่ นอกจากนี้ล้อที่สามารถหมุนได้ 360 องศา จะทำให้เคลื่อนย้ายกระเป๋าได้ง่ายแม้ในพื้นที่ที่จำกัด เช่น บนรถไฟ บนทางเดินในเครื่องบิน และในลิฟต์ เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับ การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง การรับประกันสินค้า และบริการหลังการขายเป็นเรื่องสำคัญ เลือกกระเป๋าที่บริการหลังการขายดี ช่องทางติดต่อสื่อสารหลากหลาย ติดต่อสะดวก เก็บของมีค่าและเอกสารการเดินทางไว้ในกระเป๋าถือที่คุณสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา ติดป้ายกันน้ำบนกระเป๋าแต่ละใบพร้อมข้อมูลติดต่อล่าสุดของคุณ หากกรณีที่กระเป๋าของคุณสูญหาย ก็จะมีโอกาสสูงที่คุณจะได้รับกระเป๋าคืนอย่างรวดเร็ว ตรวจเช็คกระเป๋าเดินทางของคุณทันทีที่คุณรับกระเป๋าลงจากสายพาน หากพบความเสียหาย ให้คุณถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และติดต่อสายการบินหรือบริษัทประกันภัยของคุณทันทีก่อนออกจากพื้นที่สนามบิน











